EPG มั่นใจยอดขาย 3 ธุรกิจสดใส ดันทั้งปี 67 โต 10%

EPG ย้ำยอดขายปี 66/67 (เม.ย.66 – มี.ค.67) สดใส ตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้น 30-33% รับแรงหนุนจาก 3 ธุรกิจหลักของบริษัท


รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า ในปีบัญชี 66/67 (เม.ย.66 – มี.ค.67) บริษัทมั่นใจว่ายอดขายจะเติบโตได้ที่ 10% และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 30-33% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้จากการดำเนินงานของ 3 กลุ่มธุรกิจ ดังนี้

ธุรกิจฉนวนยางกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 8-10% โดยธุรกิจในประเทศมีปัจจัยสนับสนุนจากการย้ายฐานการผลิตของกลุ่มธุรกิจต่างๆ มายังประเทศไทย Aeroflex ได้รับคำสั่งซื้อจากกลุ่มลูกค้าโครงการ เช่น กลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งสั่งซื้อสินค้าประเภทฉนวน Aeroflex สำหรับหุ้มท่อ และฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา (Aero-Roof)

อีกทั้ง ได้รับคำสั่งซื้อฉนวนเพื่อใช้สำหรับรถบัส EV สำหรับธุรกิจในต่างประเทศมุ่งเน้นทำการตลาดในสหรัฐอเมริกา และ ญี่ปุ่น โดย Aeroflex USA Inc. สหรัฐอเมริกา มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจึงสามารถขยายฐานกลุ่มลูกค้าได้เพิ่มขึ้นทั้งกลุ่มลูกค้าขายส่ง และ กลุ่มลูกค้าโครงการ ได้แก่ EV / Semiconductor และ อาหาร เป็นต้น โดยตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 เป็นต้นไป Aeroflex USA Inc. สหรัฐอเมริกา จะออกสินค้าใหม่ Ultralow smoke ฉนวนยางผลิตจากวัสดุคุณสมบัติพิเศษ ก่อให้เกิดควันน้อย เพื่อนำไปใช้ในระบบ Air Ducting system ซึ่งฉนวน Aeroflex ผ่านการรับรองระดับสูงสุดจากรัฐบาลในสหรัฐอเมริกา

ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 8-10% โดยยอดขายในไตรมาสที่ 2 ปีบัญชี 66/67 (ก.ค. – ก.ย.66) มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น อัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) เร่งตัวขึ้น บริษัทสามารถส่งสินค้าให้กับค่ายยานยนต์ที่มีการผลิตอย่างต่อเนื่อง สินค้าประเภทหลังคาครอบกระบะ (Canopy) บันไดข้างรถกระบะ (Slide Step) และ ฝาปิดกระบะสไตล์บานสไลด์ (Roller Lid) มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น และคาดว่าในไตรมาสที่ 3 ปีบัญชี 66/67 (ต.ค – ธ.ค.66) ยอดขายปรับตัวดีขึ้นจากการเปิดตัวสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาด

สำหรับธุรกิจในออสเตรเลีย ปัญหายานยนต์ขาดตลาดคลี่คลายแล้ว บริษัทมี Backlog ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปีบัญชี 66/67 (ก.ค. – ก.ย.66) เป็นต้นไป อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าเริ่มปรับลดลง ปัจจุบัน TJM มีร้านค้าสาขา 7 แห่ง โดยตั้งเป้าหมายภายใน 2 ปีบัญชีจะมีร้านค้าสาขา TJM รวมทั้งสิ้น 15 แห่ง โดยจะเร่งให้เกิด synergy ในกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ในออสเตรเลีย

ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 10 – 12% โดยได้ปรับปรุงระบบการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และปรับกลยุทธ์การตลาดด้วยการขายสินค้าแบบไขว้ (Cross selling) ทั้งบรรจุภัณฑ์พลาสติกระดับพรีเมียมและผลิตภัณฑ์ทั่วไปเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบทุกกลุ่มเป้าหมาย คาดว่าในไตรมาสที่ 3 ปีบัญชี 66/67 (ต.ค – ธ.ค.66) ยอดขายจะปรับตัวดีขึ้น

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปีบัญชี 66/67 (เม.ย.– มิ.ย.66) บริษัทมีรายได้จากการขาย 2,986 ล้านบาท โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จากการขาย 2,843 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 32% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 30 – 33% มีกำไรสุทธิ 309 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% รศ.ดร.เฉลียว กล่าว

Back to top button