ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง NL ขายไอพีโอ 130 ล้านหุ้น ระดมทุนเข้า SET

ก.ล.ต.อนุมัติไฟลิ่ง NL ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจรับเหมาก่อสร้างครบวงจร เดินหน้าขายไอพีโอ 130 ล้านหุ้น เข้าจดทะเบียนตลาด SET ปีนี้ ระดมทุนใช้ซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ก่อสร้าง และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เสริมโอกาสโตรับภาคอสังหาริมทรัพย์ขยายตัว


นางสาวเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เอ็นแอล ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ NL เปิดเผยว่า ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ สำนักงาน ก.ล.ต.ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนของ NL ที่ได้ยื่นขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 130,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 1.00 บาท/หุ้น คิดเป็น 26% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (PROPCON) / บริการรับเหมาก่อสร้าง (CONS) ภายในปี 2566

โดย NL ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างครบวงจร (One-Stop Service) รับงานจากหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานรัฐประเภทอื่น รวมถึงหน่วยงานเอกชน ในฐานะผู้รับเหมาโดยตรง (Main Contractor) ด้วยวิธีประกวดราคา หรือเจรจาต่อรองกับผู้ว่าจ้างโดยตรง อีกทั้งบริษัทฯ ยังกำหนดให้หน่วยงานก่อสร้างและส่วนงานที่เกี่ยวข้องนำนโยบายคุณภาพตามมาตรฐาน ISO 9001:2015 มาปฏิบัติใช้เป็นหลัก เน้นประสิทธิภาพ คุณภาพ ความปลอดภัย

รวมถึงการดำเนินงานโครงการตามระยะเวลาที่กำหนด และภายในวงเงินงบประมาณ พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังได้นำเทคโนโลยี BIM (Building Information Modeling) มาใช้ในการถอดแบบแต่ละขั้นตอนของการก่อสร้าง ทำให้การวิเคราะห์ การควบคุมงานออกแบบ การก่อสร้างเป็นไปอย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ด้วยจุดเด่นด้านประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของ NL ที่สั่งสมมามากกว่า 40 ปี ส่งให้บริษัทฯ มีผลงานการให้บริการงานก่อสร้างหลากหลายประเภท ซึ่งบางประเภทอาคารหรือบางรูปแบบอาคารต้องอาศัยเทคนิคการก่อสร้างและความเชี่ยวชาญพิเศษ โดยสามารถแบ่งประเภทงานรับเหมาก่อสร้างของบริษัทฯ ออกได้เป็น 5 ประเภท

ได้แก่ 1) สถานพยาบาล 2) อาคารสำนักงานและเพื่อการพาณิชย์ 3) อาคารพักอาศัย 4) อาคารพิเศษ และ 5) งานก่อสร้างอื่นๆ รวมถึงงานก่อสร้างที่มีจุดประสงค์แตกต่างไปจากประเภทงานโครงการประเภทอื่น เช่น โรงงาน คลังสินค้า ถนน เขื่อน เป็นต้น ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง

อีกทั้ง บริษัทฯ ยังมีโรงงานในอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ประกอบด้วยโรงงานสำหรับตัดและดัดเหล็กเส้น และโรงงานสำหรับผลิตเฟอร์นิเจอร์งานตกแต่งภายในอาคารต่างๆ นอกจากนี้ยังมีอาคารโกดังเพื่อใช้เป็นพื้นที่ในการจัดเก็บเหล็กเส้น ซึ่งสามารถรองรับการจัดเก็บวัตถุดิบในกรณีที่ราคาวัตถุดิบมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นได้

นายศรันย์ โรจน์เลิศจรรยา กรรมการผู้จัดการ NL เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนและนักลงทุนได้เป็นส่วนหนึ่งในการต่อยอดความสำเร็จของบริษัทฯ ด้วยการเพิ่มศักยภาพขององค์กร เดินหน้างานธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอย่างครบวงจรแบบ One-Stop Service ยกระดับงานก่อสร้างที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงสุด สำหรับการเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ จึงนับเป็นก้าวที่สำคัญของ NL โดยมีวัตถุประสงค์ของการระดมทุน เพื่อนำเงินที่ได้ไปใช้เป็นเงินทุนในการซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ก่อสร้าง และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจภายในปี 67 รองรับการขยายตัวของธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

โดยโครงสร้างรายได้ของบริษัทฯ ประกอบด้วย รายได้จากการรับเหมาก่อสร้างและรายได้อื่น ซึ่งผลการดำเนินงาน ในปี 2563 – 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการรับเหมาก่อสร้างเท่ากับ 1,690.75 ล้านบาท 1,384.79 ล้านบาท และ 1,218.79 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้ที่ลดลงระหว่างปี 2563 – 2565 สาเหตุหลักมาจากที่หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนชะลอแผนการเปิดประมูลและการลงทุนก่อสร้างอาคาร จากความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 และบริษัทฯ พิจารณาเข้าประมูลและเสนอราคาเฉพาะโครงการที่คาดว่าจะส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับประโยชน์และกำไรจากการให้บริการรับเหมาก่อสร้าง และแม้ว่ารายได้จากการรับเหมาก่อสร้างจะลดลง บริษัทฯ ยังคงบริหารต้นทุนจากการรับเหมาก่อสร้างได้ดี รวมถึงการได้รับค่า K (ดัชนีที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงมูลค่างาน) จากการดำเนินงานก่อสร้าง ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิในช่วงปี 2563 – 2565 เท่ากับ 50.90 ล้านบาท 57.33 ล้านบาท และ 57.56 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 3.01 ร้อยละ 4.14 และร้อยละ 4.72 ตามลำดับ

สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,148.54 ล้านบาท เป็นรายได้จากการรับเหมาก่อสร้าง 1,142.56 ล้านบาท และรายได้อื่น 5.98 ล้านบาท ซึ่งรายได้จากการรับเหมาก่อสร้างเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 148.82 และบริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 67.53 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 5.91 โดยโครงสร้างรายได้จากการรับเหมาก่อสร้าง มีสัดส่วนหลักมาจากโครงการกลุ่มสถานพยาบาลร้อยละ 79.72 สะท้อนความเชี่ยวชาญของ NL และมีสัดส่วนลูกค้าหน่วยงานราชการคิดเป็นร้อยละ 72.60 รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานรัฐประเภทอื่นร้อยละ 14.09 และหน่วยงานเอกชนร้อยละ 13.32 NL พร้อมเดินหน้าเติบโตไปกับเม็ดเงินการลงทุน และภาคอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังขยายตัวในประเทศอย่างต่อเนื่อง

Back to top button