คัด 2 หุ้นตัวท็อป! รับอานิสงส์ “ยอดผลิตรถยนต์” 8 เดือนทะลุ 1.22 ล้านคัน

โบรกคัด 2 หุ้นตัวท็อป! รับอานิสงส์ยอดผลิตรถยนต์ 8 เดือนแรกปี 66 ทะลุ 1.22 ล้านคัน ลุ้นทั้งปีเข้าเป้า 1.9 ล้านคัน NEX-NYT นำทีมอัพไซด์สูง 15% พร้อมลุ้นกำไรครึ่งหลังแจ่ม ดันทั้งปีโตสนั่น  


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการสำรวจหุ้นกลุ่มยานยนต์ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ ภายหลังส.อ.ท.โชว์ตัวเลขยอดผลิตรถยนต์ 8 เดือนแรก 2566 ออกมาโตดี โดยเป็นการรวบรวมข้อมูลมาจากบทวิเคราะห์บล.ดาโอได้ระบุไว้ดังนี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) รายงานยอดผลิตรถยนต์เดือน ส.ค.23 อยู่ที่ 1.5 แสนคัน ลดลง 12% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 1% เทียบเดือนก่อนหน้า เนื่องจากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ปรับตัวลดลง และมีการนำเข้ารถ EV มาขายมากขึ้น โดยแบ่งเป็นยอดขายรถยนต์ในประเทศลดลง 12% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และโต 3% เทียบเดือนก่อนหน้า เนื่องจากสถาบันการเงินยังเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อหลังจากแนวโน้มหนี้ครัวเรือนที่สูง

ส่วนยอดส่งออกยังเติบโตดี 19% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 19% เทียบเดือนก่อนหน้า จากการส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดออสเตรเลียตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกากลางและอเมริกาใต้

ทั้งนี้รวม 8 เดือนแรก 2566 ยอดผลิตรถยนต์อยู่ที่ 1.22 ล้านคัน โต 3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน รถยนต์นั่ง (ไม่เกิน 7 คน) BEV มียอดจดทะเบียนใหม่เดือน ส.ค. 2566 ดีขึ้น เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเทียบเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 6,589 คัน โต 457% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และโต 30% เทียบเดือนก่อนหน้า

โดยค่ายรถยนต์ BYD ครองสัดส่วนมากสุดที่ 34% อันดับ 2 เป็น NETA 19% ตามมาด้วย MG 17% และ TESLA 13% รวม 8 เดือนแรก 2566 รถยนต์นั่ง (ไม่เกิน 7 คน) BEV มียอดจดทะเบียนใหม่จำนวน 4.3 หมื่นคัน โต 806% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ DAOL มองเป็นลบจากยอดผลิตรถยนต์ที่ปรับตัวลดลง ขณะที่ส่งออกยังคงดีขึ้นเป็นบวกต่อธุรกิจส่งออกรถยนต์ ยอดผลิตรถยนต์ 8 เดือนแรก 2566 จะคิดเป็น 64% จากเป้าทั้งปี 2566 ที่ 1.9 ล้านคัน โต 1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ดังนั้นในช่วงที่เหลือของปีจะต้องผลิตได้เฉลี่ยเดือนละ 1.7 แสนคัน จึงจะทำได้ตามเป้า ซึ่งประเมินว่ามีโอกาสผลิตได้ต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย จากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ยังชะลอตัวและความนิยมรถ EV ที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่จะมาจากการนำเข้า

ขณะที่ยอดส่งออกยังมีโอกาสทำได้มากกว่าเป้าที่ 1.05 ล้านคัน โต 5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย 8 เดือนแรก 2566 มีการส่งออกคิดเป็น 69% จากเป้าทั้งปี

สำหรับกลุ่ม Automotive ให้น้ำหนักการลงทุนเป็น “Neutral” จากแนวโน้มยอดผลิตรถยนต์ปี 2566-2567 ที่ยังทรงตัว ขณะที่ยอดส่งออกรถยนต์และการนำเข้า EV ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี ทำให้ยังคงชอบหุ้นบริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน)  หรือ NYT แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 5.30 บาท (คิดเป็นอัพไซด์ราว 15.72% เทียบราคาปิด ณ 22 ก.ย.66 ที่ระดับ 4.58 บาท) ซึ่งจะได้ประโยชน์มากสุดจากการส่งออกรถยนต์ที่เติบโตโดดเด่น รวมถึงการนำเข้ารถยนต์ที่เติบโตดีขึ้น ตามยอดจดทะเบียนรถ EV ใหม่ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นการนำาเข้าจากต่างประเทศ

โดยประมาณการกำไร NYT ปี 2566 เติบโตสูงเป็น 415 ล้านบาท โต 65% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรครึ่งหลังปี 66 จะยังคงเติบโตสูงขึ้น เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้ต่อเนื่อง และมี upside จากที่ทำไว้ได้อีก

นอกจากนั้นในกลุ่ม Automotive ยังชอบหุ้น บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 14.00 บาท (คิดเป็นอัพไซด์ราว 11% เทียบราคาปิด ณ 22 ก.ย.66 ที่ระดับ 12.60 บาท) ปี 2566-2568 กำไรโตเฉลี่ย 31% โดยมองว่าจะได้ประโยชน์จากรัฐบาลใหม่ยังคงสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด และนโยบายที่จะเปลี่ยนมาใช้รถ CEV มากขึ้น

ขณะที่ประเมินในครึ่งหลังปี 2566 จะดีต่อเนื่องจากการส่งมอบรถ ส่งมอบรถเมล์ไฟฟ้าอีกไม่ต่ำกว่า 1 พันคัน รวมถึงจะยังมีการส่งมอบรถ E Bus และ E Truck เพิ่มต่อเนื่อง และจะมีการส่งมอบ CEV ไปต่างประเทศมากขึ้น

Back to top button