SUN ลุยพัฒนาสินค้า “ข้าวโพดหวาน-พร้อมทาน” เต็มสูบ หนุนรายได้เข้าเป้า 10-15%

SUN ลุยโครงการลงทุนเสริมศักยภาพธุรกิจเต็มสูบ ตอกย้ำการเป็นผู้นำอาหารพร้อมทานเพื่อสุขภาพชั้นนำระดับโลก พร้อมรุกหนักเดินหน้าโครงการลงทุน ผสานนวัตกรรมและเทคโนโลยีวางรากฐาน จ่อเปิดตัวสินค้าใหม่ มั่นใจรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดด


นายวิชัย เหล่าเจริญพรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN เปิดเผยว่า บริษัทขับเคลื่อนบนยุทธศาสตร์ รับความท้าทายทางเศรษฐกิจและสภาวะที่เปลี่ยนแปลงในสังคม ให้สอดคล้องกับวิถีใหม่ของโลกในยุค Never Normal Digitalization โดยการปรับโครงสร้างธุรกิจ การบริหารต้นทุน และเดินหน้าเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่เป้าหมายของความยั่งยืน ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในทุกภาคส่วนของธุรกิจ จากผลประกอบการที่เติบโตต่อเนื่อง สอดคล้องกับโอกาสทางการตลาดอาหารทั้งในและต่างประเทศที่ขยายตัว และมีอัตราการเติบโตสูง

ทั้งนี้ บริษัทจึงวางแผนพัฒนาโครงการที่หลากหลายยิ่งขึ้น และมุ่งเป็นผู้นำในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานเพื่อสุขภาพที่ผลิตจากพืช 100% ที่มีคุณค่า คุณประโยชน์ ปลอดภัย และตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างฉับไว โดยลงทุนในโครงการสำคัญ ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจ และเพิ่มรายได้ให้เติบโตตามเป้าหมาย 10-15% ในกลุ่มสินค้าข้าวโพดหวาน (Core Business) และกลุ่มสินค้าพร้อมทาน (RTE) ดังนี้

1) โครงการไร่ตะวันหวาน (Sun Valley) ศูนย์กลางในการวิจัย พัฒนา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทางการเกษตร การพัฒนาสายพันธุ์พืช และเชื่อมโยงความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกร แบบครบวงจร

2) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพและกำลังการผลิต นำเครื่องจักรและระบบ Automation เข้ามาเพื่อช่วยควบคุมกระบวนการผลิตและช่วยให้คุณภาพผลิตภัณฑ์ดีขึ้น อาทิ โครงการเครื่องฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิสูงแบบต่อเนื่อง (Hydrolock), โครงการ Big Can Packing Automation Line, โครงการ Packing line กระป๋องขนาดเล็ก แบบ RSC เป็นต้น

3) โครงการก่อสร้างอาคาร Mini Factory 2 เพื่อรองรับ Demand จากลูกค้าในประเทศสูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีการผลิตสินค้าพร้อมรับประทาน (RTE) ภายใต้แบรนด์ KC วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ ปริมาณ 80,000-100,000 ชิ้น/วัน จำนวนกว่า 15 Item ได้รับเสียงตอบรับโดนใจผู้บริโภคที่รักสุขภาพทุก Generation โดยบริษัทมีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่อีกราว 5-10 Item ภายในปี 2567 คาดว่า Mini Factory 2 จะสามารถตอบโจทย์ในการเพิ่มกำลังการผลิตได้ถึง 180,000-200,000 ชิ้น/วัน และสร้างรายได้ตามเป้าหมาย 800-1,000 ล้านบาท/ปี อีกทั้งบริษัทยังมีแผนพัฒนา Shelf life ผลิตภัณฑ์ เพื่อสอดรับกับความต้องการของลูกค้าต่างประเทศ และเหมาะสมกับการส่งออกในอนาคต

อย่างไรก็ตาม บริษัทมุ่งสร้างสมดุลโดยดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงการสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ตามแนวทาง ESG (Environmental– Social – Governance & Economic: ESG) หรือ สิ่งแวดล้อม สังคมและ ธรรมาภิบาล สร้างความเชื่อมั่นต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน และเดินหน้าพัฒนาศักยภาพคู่ค้าธุรกิจในห่วงโซ่อุปทานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็ง การสร้างงานสร้างอาชีพ ความมั่นคงทางรายได้ และสร้างความสำเร็จและในการเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

Back to top button