SAWAD แย้ม Q4 สดใส อานิสงส์ค่าใช้จ่ายลด! มั่นใจ “พอร์ตสินเชื่อ” ปีหน้าโต 30%

SAWAD ส่งซิกไตรมาส 4/66 สดใส! หลังค่าใช้จ่ายลด-ควบคุมต้นทุนดีเยี่ยม แย้มหนี้เสีย (NPL) จะกลับมาสู่สภาวะปกติที่ 3-4% ในปี 67 ดันพอร์ตสินเชื่อเติบโต 20-30% ขณะเดียวกัน “นางสาวธิดา” เผย ข่าวปลอมแปลงสัญญาเงินกู้ไม่เป็นความจริง อยู่ในระหว่างพิจารณาใช้สิทธิตามกฎหมาย


นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 ว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 3/2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวม 5,251.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน 3,277.93 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,424.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.83% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,251.14 ล้านบาท ขณะที่งวด 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 3,968.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 3,263.19 ล้านบาท

สำหรับการเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นนั้น โดยได้รับแรงหนุนจากความพอร์ตสินเชื่อที่เติบโตขึ้น รวมถึงการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสของบริษัทเงินสดทันใจหลังซื้อหุ้นคืน 50% จากธนาคารออมสิน ส่งผลให้บริษัทมีสินทรัพย์รวมจำนวน 110,806 ล้านบาท และมีสาขา 5,430 สาขาทั่วไทย ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 รวมถึงกระแสเงินหมุนเวียนในบริษัทมากขึ้น เนื่องจากในหลายๆธนาคารพาณิชย์ไม่ได้ปล่อนสินเชื่อ ทำให้ลูกค้ากลุ่ม non-bank กลับมาใช้บริการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำใช้ขยายกิจการและดำเนินธุรกิจ โดย SAWAD มุ่งเน้นการให้สินเชื่ออย่างเร่งด่วนและรวดเร็ว

นางสาวธิดา กล่าวอีกว่า แนวโน้มในไตรมาส 4/2566 เติบโตดีขึ้น เนื่องจากความเสียหายจากค่าใช้จ่ายในการขายสินเชื่อ (lost on sale) ในแผนกเช่าซื้อสามารถลดลงได้จากไตรมาสก่อนหน้า และสามารถลดลงไปจนถึงไตรมาส 1/2567 ด้วยวิธีการ down payment ที่แก้ไขมาตั้งแต่ช่วงมกราคมปีนี้ ให้ลดลงมาสู่ระดับปกติ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับกลุ่มบริษัทและเป็นไปได้ที่จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น และมีการควบคุมต้นทุนให้อยู่ที่ 4-5% โดยบริษัทมีวงเงินกับธนาคารพณิชย์ต่างๆในประเทศไทย

นอกจากนี้ บริษัทฯประเมินแนวทางดำเนินธุรกิจในปี 2567 บริษัทคาดหวังว่าหนี้เสีย (NPL) จะกลับมาสู่สภาวะปกติที่ 3-4% ในปีหน้า หลังจากการระบาดของโรคโควิด 19 ทำให้บริษัทปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวังมากยิงขึ้น ทำให้ NPL ลดลง ซึ่งหลังจากนี้การปล่อยสินเชื่อจะเพิ่มขึ้น ส่วนระดับ NPL จะค่อยๆกลับไปอยู่ในระดับปกติก่อนเกิดสถานการณ์โควิด เพื่อสนับสนุนพอร์ตสินเชื่อของบริษัทให้มีการเติบโตขึ้น 20-30% ในปีหน้า

ขณะที่สภาพเศรษฐกิจฝืดเคืองในปัจจุบันและมีแนวโน้มต่อไปในปีหน้า จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทเติบโตได้ จากการที่ลูกค้าจะต้องการเงินกู้ไปหมุนเวียน และหันมากู้สินเชื่อจาก non-bank แทน เนื่องจากธนาคารพานิชย์หยุดปล่อยสินเชื่อ บริษัทจึงสามารถรับอานิสงส์ตรงนี้ได้ รวมถึงสภาพเศรษฐกิจในประเทศเพื่อนบ้านอยู่ในช่วงชะงัก ซึ่งเป็นผลดีต่อธุรกิจ non-bank แต่อาจจะส่งผลกระทบต่อการลงทุน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจในเวียดนามและกัมพูชาที่เข้าไปลงทุนนั้น ถือเป็นส่วนเล็กน้อยของพอร์ตโฟลิโอของบริษัท

นางสาวธิดา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกรณีข่าวเกี่ยวกับ “การปลอมแปลงเอกสารสัญญาเงินกู้” บนสื่อออนไลน์นั้นไม่เป็นความจริง บริษัทมีหลักฐานว่าลูกค้าคนดังกล่าวได้กู้ยืมเงินบริษัทจริง อาทิ ภาพถ่ายขณะลงนามสัญญา หรือหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชี เป็นต้น โดยศาลชั้นต้นเห็นว่า พยานหลักฐานยังไม่เพียงให้สามารถรับฟังได้ว่าลูกค้าทำสัญญากู้เงินกับกลุ่มบริษัท ซึ่งเป็นดุลพินิจของศาลชั้นต้นและคดีดังกล่าวยังไม่สิ้นสุด โดยบริษัทอยู่ในระหว่างการพิจารณาใช้สิทธิตามกฎหมายในระยะถัดไป จึงไม่อาจกล่าวได้ว่า บริษัทได้ทำการปลอมแปลงเอกสารสัญญาเงินกู้

ดังนั้นบริษัทฯขอความร่วมมือในการหยุดเผยแพร่ข่าวและข้อความดังกล่าวที่อาจเกิดความเข้าใจผิด เพื่อไม่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อบริษัท และขอให้ผู้ลงทุน รวมถึงลูกค้าที่ใช้บริการกับทางบริษัท มั่นใจได้ว่า บริษัทได้ประกอบธุรกิจในการช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน

Back to top button