KBANK มองกรอบ “ค่าเงินบาท” สัปดาห์หน้า 34.80-35.50 บ. จับตาประชุมเฟด-ECB-BOE

KBANK มองกรอบเคลื่อนไหวเงินบาทสัปดาห์หน้า 34.80-35.50 บาท/ดอลลาร์ฯ จับตาประชุมนโยบายการเงินของเฟด-ECB-BOE สัญญาณเงินทุนต่างชาติ รวมถึงราคาทองคำในตลาดโลก


ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสัปดาห์ถัดไป (11-15 ธ.ค. 66) ที่ระดับ 34.80-35.50 บาท/ดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงิน ตัวเลขประมาณการ และ Dot Plots ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE), สัญญาณเงินทุนต่างชาติ และทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวน ยอดค้าปลีก และข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ของจีน รวมถึงข้อมูล PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนธ.ค. ของสหรัฐฯ อังกฤษ และยูโรโซน

โดยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (4-8 ธ.ค. 66) เงินบาททยอยอ่อนค่าลง หลังจากที่แข็งค่าขึ้นช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์ ท่ามกลางการคาดการณ์ของตลาดว่า มีความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ได้แตะจุดสูงสุดของวัฏจักรรอบนี้ไปแล้ว นอกจากนี้ เงินบาทยังได้รับอานิสงส์เพิ่มเติมจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ เงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลง ตามจังหวะการย่อตัวของราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่สกุลเงินเอเชียในภาพรวมเผชิญแรงกดดันตามทิศทางเงินหยวน หลัง Moody’s ปรับลด outlook ของอันดับเครดิตจีน (A1) จากคงที่ “stable” มาเป็นลบ “negative”

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีแรงหนุนจากแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ เพื่อปรับโพสิชั่น ก่อนการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในช่วงปลายสัปดาห์ ประกอบกับน่าจะได้รับอานิสงส์ทางอ้อม จากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจกลับมาผ่อนคลายนโยบายการเงินในปีหน้าด้วยเช่นกัน

โดยในวันศุกร์ที่ 8 ธ.ค.66 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 35.33 บาท/ดอลลาร์ฯ เทียบกับ 35.03 บาท/ดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (1 ธ.ค. 66) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 4-8 ธ.ค.66 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 4,763 ล้านบาท และมีสถานะเป็นเงินทุนไหลออก (Net Outflows) จากตลาดพันธบัตรไทย 1,522 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 982 ล้านบาท และมีตราสารหนี้หมดอายุ 540 ล้านบาท)

Back to top button