คัด 3 หุ้น “ทำกิฟต์” รับรัฐหนุน “มีบุตร” แก้ปมเด็กเกิดน้อย

จับตาหุ้น “การแพทย์-ให้คำปรึกษาสำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยาก” รับประโยชน์นโยบายรัฐบาล “ส่งเสริมการมีบุตร” ฟากโบรกชู “GFC-EKH-SAFE” เด่น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (15 ม.ค. 67) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข เปิดเผยถึงนโยบายการส่งเสริมการมีบุตร ในการตอบกระทู้ถามในการประชุมวุฒิสภาว่า ยอมรับว่าเรื่องค่านิยมที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน ครอบครัวมีความหลากหลายมากขึ้น และการมีลูกไม่ได้เป็นเป้าหมายของชีวิต ดังนั้นจึงต้องเปลี่ยนทัศนคติ ค่านิยม ด้านการสร้างครอบครัวของคนรุ่นใหม่

อีกทั้ง รัฐบาลได้กำหนดนโยบายส่งเสริมการมีบุตรอย่างมีคุณภาพเพื่อพัฒนาประชากรและทุนมนุษย์ โดยกระทรวงสาธารณสุขได้นำมาปรับปรุงแก้ไขเป็นนโยบายขับเคลื่อนแผนพัฒนาประเทศในระยะยาว ได้มีการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาแล้ว จากนั้นจะมีการประกาศเป็นวาระแห่งชาติและจะขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการส่งเสริมการมีบุตรอย่างมีคุณภาพระยะ 5 ปี ระหว่างปี 2566-2570 ซึ่งกลไกการขับเคลื่อนจะมีคณะกรรมการอำนวยการส่งเสริมการมีบุตรอย่างมีคุณภาพเพื่อพัฒนาประชากรและทุนมนุษย์ กำกับและติดตามแผนปฏิบัติการ ของแต่ละกระทรวง และจะบูรณาการการทำหน้าที่ร่วมกัน แล้วรายงานความคืบหน้าสู่ ครม.

“มั่นใจว่าเฉพาะกำลังของรัฐบาลที่มีอยู่สามารถที่จะให้ประชาชนมีลูกและสมบูรณ์พร้อมตั้งแต่อยู่ในท้อง หลังเกิดและเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยมีคลินิกส่งเสริมการมีบุตรและการเกิด IVF หรือเด็กหลอดแก้วปีละ 10 ราย” นพ.ชลน่าน กล่าว

นอกจากนี้ รัฐบาลเตรียมเปิดเฟส 2 โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ในเดือน มี.ค.นี้ ส่วนโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ หลังเปิดโครงการนำร่องไป 4 จังหวัดแล้ว ปัญหาที่พบคือ ประชาชนยังไม่ยืนยันตัวตนในระบบ ทำให้ผู้ที่เข้ารับบริการต้องเสียเวลาทำประวัติก่อนเข้าไปรับการรักษา ดังนั้นในการเปิดเฟสต่อไปใน 8 จังหวัดช่วงเดือน มี.ค.จะเร่งแก้ปัญหาดังกล่าว และรณรงค์ให้ประชาชนยืนยันตัวตนให้แล้วเสร็จก่อนการเข้ารับบริการ โดยไม่ต้องรอให้ป่วย

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า รัฐบาลตั้งใจให้โครงการใช้บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ครอบคลุมทั่วประเทศในปลายปีนี้ โดยรัฐบาลจะขยายให้ครบทุกจังหวัดเพื่อทดสอบระบบเชื่อมโยง หากมีศักยภาพเชื่อมโยงจะสามารถเชื่อมโยงภาครัฐและเอกชนได้ ซึ่งในส่วนของการพัฒนาระบบและเทคโนโลยีจะทำให้กำลังคนลดลง อย่างไรก็ดีการพัฒนาระบบต้องมีต่อไป เพื่อให้ระบบเสถียร ไม่มีปัญหาต่อการให้บริการ และอนาคตพร้อมจะรองรับทุกสิทธิการรักษา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับประกันสังคม

ทั้งนี้ จากนโยบายดังกล่าว คาดการณ์ว่าจะส่งผลดีกับหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจทางการแพทย์และบริการให้คำปรึกษาแก่ผู้ที่ต้องการมีบุตร อาทิ บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GFC ผู้ให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยากแบบครบวงจร, บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE ผู้ให้บริการด้านการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ตั้งแต่ให้คำแนะนำและคำปรึกษาตลอดจนติดตามผลการปฏิบัติการโดยผู้ดูแลลูกค้าส่วนบุคคล และ บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH ผู้ให้บริการทำเด็กหลอดแก้ว

โดยบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด มองว่า GFC มีแนวโน้มจำนวนเคสที่เร่งขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับดีมานด์ของการมีลูกให้ทันในช่วงปีมังกรทอง (ปี 2567) ซึ่งจะต้องตั้งครรภ์ช้าสุดในช่วงไตรมาส 4/2566 – ไตรมาส 1/2567 จึงคาดการณ์กำไรปี 2567 แตะ 96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากการเปิดสาขาใหม่พระราม 9 และอุบลราชธานี ช่วงปลายไตรมาส 1/2567- ต้นไตรมาส 2/2567 และคาดว่าทั้ง 2 แห่ง จะสร้างรายได้ ปี 2567 ที่ 480 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39%

ประกอบกับปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเจรจากับ Agency เพื่อส่งคนไข้ชาวจีนมารับบริการในช่วงไตรมาส 1/2567 พร้อมประเมินราคาเหมาะสม GFC ด้วยวิธี Prospective PE Ratio เทียบกับบริษัทที่อยู่ในหมวดของธุรกิจทางการแพทย์ทั้งกลุ่มโรงพยาบาลขนาดเล็กและคลินิกเฉพาะทาง โดยประเมินราคาเหมาะสมปี 2567 ที่ระดับ 11.70 บาท

ด้าน น.พ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAFE กล่าวว่า ภาพรวมการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยากของไทยในปี 2567 มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศที่เป็นไปอย่างชัดเจนขึ้น ประกอบกับตลาดมีปัจจัยบวกสำคัญเข้าสนับสนุนการเติบโต

โดยเฉพาะปี 2567 จะเป็น “ปีมังกรทอง” ที่มีความเป็นมงคลที่สุดในปฏิทินจีน ซึ่งเชื่อว่าบุตรที่เกิดในปีนี้จะนำความโชคดีมาสู่ครอบครัว มีความกล้าหาญและเฉลียวฉลาด รวมถึงมาตรการฟรีวีซ่าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน คาซัคสถาน อินเดีย และไต้หวัน จะเป็นตัวช่วยส่งเสริมให้มีชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการรักษาภาวะมีบุตรยากในไทยเพิ่มมากขึ้น

สำหรับธุรกิจรักษาผู้มีบุตรยากยังเป็นช่วงขาขึ้นของตลาดนับจากนี้ไปในระยะ 5 ปีข้างหน้า โดย SAFE มีศักยภาพและความพร้อมทุกด้าน ทั้งด้านฐานทุน บุคลากรทางการแพทย์ ความรู้ความเชี่ยวชาญ และพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้บริการคลินิกรักษาผู้มีบุตรยากก้าวขึ้นสู่ผู้นำด้านรักษาผู้มีบุตรยาก ด้านวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนและเวลเนสในภูมิภาคเอเชีย โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตปีละ 20-30%

X
Back to top button