“สนพ.” มองหน้าร้อนปี 67 ปชช.ใช้ไฟฟ้าพีกเฉียด 3.5 หมื่นเมกฯ

“สนพ.” มองแนวโน้มการใช้ไฟฟ้าช่วงหน้าร้อนปี 67 โต 10-15% ดีมานด์ไฟพีกพุ่ง 3.5 หมื่นเมกะวัตต์ หากถึงเท่ากับว่าจะสูงสุดเป็นประวัติการณ์


นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า แนวโน้มการใช้ไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อนปีนี้มีอัตราเติบโต 10-15% โดยคาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (ไฟพีค) พุ่ง 35,000 เมกะวัตต์ หากถึงเท่ากับว่าจะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากไฟพีคสูงสุดในปี 66 อยู่ที่ 34,827 เมกะวัตต์ ซึ่งยอมรับว่า ไฟพีคปีนี้เกิดขึ้นเร็วและอยู่ในช่วงเวลากลางคืน มากกว่ากลางวัน อาจมีผลทำให้ปริมาณสำรองไฟฟ้าต่ำกว่า 25% จากปัจจุบันมีอยู่ 30% เนื่องจากที่ผ่านมา ภาคประชาชนและอุตสาหกรรมมีการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) ใช้เองกันมากขึ้น ขณะที่กลางคืนเมื่อใช้โซลาร์เซลล์ไม่ได้ ทุกส่วนจะมาใช้ไฟฟ้าจากระบบจำหน่ายโดยตรงทำให้มีการใช้ไฟฟ้าสูงกว่ากลางวัน

“คาดการณ์ว่า อีก 1-2 ปีข้างหน้า จะต้องบริหารจัดการกับการผลิตไฟฟ้ารองรับพีคไฟฟ้าใหม่ โดยต้องพิจารณาว่าในช่วงกลางคืนจะมีพลังงานทดแทนชนิดใดที่พึ่งพาได้มาช่วยเสริมระบบ เช่น ไฟฟ้าจากพลังงานลม และไฟฟ้าส่วนเกิน” นายวีรพัฒน์ กล่าว

สำหรับการจัดทำร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าฉบับใหม่ (พีดีพี) ใกล้แล้วเสร็จ จะสามารถจัดทำประชาพิจารณ์สำรวจความเห็นได้ในต้นเดือน เม.ย. นี้  ซึ่งในหลักการของการจัดทำพีดีพีมองใน 3 ประเด็น คือ ความมั่น ราคาและการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยกำหนดให้มีพลังงานหมุนเวียนในสัดส่วน 50% ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ไบโอแมส ไบโอแก๊ส น้ำ รวมถึงพลังงานใหม่ อย่างนิวเคลียร์ จะกำหนดไว้ในช่วงปลายแผนปี 80 เป็นรูปแบบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก หรือเอสเอ็มอาร์ ขนาด 70 เมกะวัตต์  ขึ้นอยู่กับการรับฟังความเห็นที่จะเกิด มีโอกาสทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยก็ได้เป็นการเสนอไว้เป็นทางเลือก

นอกจากนี้ ในส่วนของเชื้อเพลิงหลักยังคงเป็นก๊าซธรรมชาติ 30% ส่วนไฮโดรเจน 5-20% ถือเป็นพลังงานใหม่ที่ต้องเตรียมพร้อมในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานที่มารองรับโดยคาดว่าจะเข้ามาอยู่ในแผนปี 78 ขณะที่ประมาณการความต้องการไฟฟ้าปี 67 จะมีการใช้เพิ่มขึ้น 3.1% ตามสภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น และอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าอุณหภูมิปี 67 จะสูงขึ้นประมาณ 1.2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับปีก่อน

ส่วนภาพรวมการใช้พลังงานขั้นต้นปี 66 เพิ่มขึ้น 0.8% เทียบกับปีก่อน อยู่ที่ระดับ 2,007 พันบาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น โดยคาดการณ์ว่าความต้องการใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ขั้นต้นในปี 67 จะเพิ่มขึ้น 3.1% อยู่ที่ระดับ 2,063 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากการเพิ่มขึ้นของการใช้พลังงานทุกประเภท สอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศ

Back to top button