โบรกแนะซื้อ ILINK-ITEL ชี้กำไรปี 67 สดใส ตุนแบ็กล็อกแน่น- ฐานะทางการเงินแกร่ง

โบรกแนะนำซื้อแม่-ลูก หุ้น ILINK-ITEL ประเมินกำไรปี 67 สดใส ชี้ ITEL รายได้ปีนี้มี Backlog รองรับแล้ว 53% เป็นตัวผลักดันผลงานราคาเป้าหมาย 4 บาท ขณะที่ ILINK คงราคาเป้าหมาย 9.50 บาท แนะนําซื้อรับปันผล พร้อมกับมีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง สภาพคล่องสูง


บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS ระบุในบทวิเคราะห์ ซึ่งประเมินต่อบริษัทสองแม่-ลูก อย่าง บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK  และบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL ว่าแนวโน้มธุรกิจและผลการดำเนินงานในปี 2567 ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

สำหรับหุ้นแม่อย่าง บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ 7 พันล้านบาท ในปี 2567 ยังไม่รวมรายได้จาก BLUE และ GLS หากรวมทั้ง 2 บริษัทดังกล่าว เป้ารายได้จะเป็น 7.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน ขณะที่ประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์ คาดรายได้ 7.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน โดยส่วนผสมของรายได้มาจากธุรกิจของ ITEL 44% ธุรกิจ Distribution (จัดจําหน่าย Cabling) 41% และธุรกิจ EPC (งานโครงการซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานก่อสร้างสายเคเบิ้ลใต้นํ้า) 16% จากประมาณการของรายได้ รายได้จาก ITEL เติบโตมากสุดในกลุ่มในปีนี้โดยคาดเพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน

ขณะที่ธุรกิจ Distribution ซึ่งเติบโตสูงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (ปี 2565-2566) คาดว่าการเติบโตจะเริ่มชะลอเป็น เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน ส่วนธุรกิจ EPC คาดรายได้ลดลง 9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน จะเห็นว่าการเติบโตของกลุ่มในปี 2567 จะมาจาก ITEL

ส่วนโครงการเกาะเต่ามูลค่า 1.8 พันล้านบาทจะสิ้นสุดโครงการราวเดือน เม.ย. 2567 บริษัทเหลืองานที่ต้องส่งมอบอีกเพียง 457 ล้านบาท แม้ว่าบริษัทจะชนะงานประมูลก่อสร้างเคเบิ้ลใต้นํ้าเกาะสมุย มูลค่าประมาณ 1.8 พันล้านบาท แต่ยังไม่ได้เซ็นสัญญานอกเหนือจากโครงการเกาะสมุย ประเทศไทยยังมีโครงการก่อสร้างเคเบิ้ลใต้นํ้าไปยังเกาะต่างๆ อีกมากแต่ยังไม่มีการจัดประมูล ถือว่าเป็นโอกาสของ ILINK ในระยะต่อไปหากโครงการเกาะสมุยเซ็นสัญญาได้ภายในปี 2567 จะเป็น upside ต่อประมาณการฝ่ายวิเคราะห์

ทั้งนี้ คงประมาณการกําไรปี 2567 ลดลง 5.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน เป็น 502 ล้านบาท ซึ่งยังเป็นระดับที่ดีมากของบริษัท โดยหลักมาจากการลดลงของรายได้ EPC และอัตรากําไรขั้นต้นของธุรกิจ Distribution ที่ลดลงสูงระดับปกติ แรงขับเคลื่อนในปี 2567 จะเป็น ITEL แทนที่แทบไม่เติบโตในปี 2566 เพราะงานประมูลต่างๆ เลื่อนตามงบประมาณการภาครัฐ ทั้งนี้ประมาณการกําไรในปี 2567 คิดเป็นอัตรากําไรสุทธิ 6.6% ตํ่ากว่าเป้าของบริษัทที่ 9% อยู่พอสมควร (ในปี 2566 อัตรากําไรสุทธิอยู่ที่ 7.7% สูงสุดในรอบ 8 ปี)

ดังนั้น คงราคาเป้าหมาย 9.50 บาท (SoTP อิงราคาเป้าหมายของ ITEL และใช้ Target P/E ของ ILINK 7.5 เท่า) โดย ILINK มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง สภาพคล่องสูง จ่ายปันผลสมํ่าเสมอ ซึ่งผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 5% คงคําแนะนํา “ซื้อ”

ด้านหุ้นลูกอย่าง บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL ณ สิ้นปี 2566 ทาง ITEL มีงานในมือ (Backlog) จำนวน  2,769 ล้านบาท แบ่งเป็น Data service 53%,  Datacenter 5% ซึ่งทั้งสองส่วนนี้เป็น Recurring income ส่วนที่เหลือ 38% เป็นงานInstallation ทั้งจาก ITEL และ BLUE (บ.ลูก) และ GLS (บ.ลูกในกลุ่ม Health Tech) 1%ในจํานวน Backlog ดังกล่าว 65% หรือ 1,790 ล้านบาท จะรับรู้ในปี 2567 เทียบกับรายได้ที่คาด 3,393 ล้านบาท เท่ากับประมาณการรายได้ secure ไปแล้ว 53%

ทั้งนี้ประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์น้อยกว่าเป้าของบริษัทที่ตั้งไว้ 3.5 พันล้านบาท แม้ว่าบริษัทจะต้องหางานเพิ่มอีกกว่า 1.6 พันล้านบาท เพื่อให้ได้ตามเป้ารายได้แต่เชื่อว่าไม่ยากนัก เพราะในปี 2567 จะมีงบประมาณทั้งของปี 2567 ที่ล่าช้าและปี 2568 ในช่วงไตรมาส 4/2567 ซึ่งมีโครงการจํานวนมากที่บริษัทเข้าไปร่วมประมูลได้

โดยปัจจุบัน GLS (Global Lithotripsy Services) มี Backlog จำนวน 25 ล้านบาท รอรับรู้เป็นรายได้ในปี 2567 ราว 10 ล้านบาท บริษัทตั้งเป้ารายได้ 100 ล้านบาทในปี 2567 ใกล้เคียงกับประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์ซึ่งเชื่อว่าเป็นไปได้ เพราะในช่วงปี 2563-2565 ทาง GLS สร้างรายได้ 96-103 ล้านบาท/ปี มีอัตรากําไรสุทธิ 7-9% GLS เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์การแพทย์CT scan / MRI scan มีลูกค้าคือโรงพยาบาลรัฐและเอกชน 51 แห่งบริษัทมีแผนขยายฐานตลาดและ leverage กับธุรกิจของ ITEL ทั้งนี้ การที่ ITEL ลงทุนซื้อ GLS 40 ล้านบาท ตํ่ากว่ามูลค่าทางบัญชี อาจมีกําไรทางบัญชีเข้ามาในไตรมาส 1/2567

ทั้งนี้อัตรากําไรขั้นต้นที่สูงถึง 26.8% ในปี 2566  เกิดจากการส่งมอบงานหนึ่งที่มีมาร์จิ้นสูงกว่าปกติ โดยคาดว่าอัตรากําไรขั้นต้นปี 2567 จะปรับลงเป็น 23.3% ซึ่งยังสูงกว่าในอดีตคงประมาณการกําไรปี 2567 ที่ 321 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 19.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และ 360 ล้านบาทในปี 2568 (เพิ่มขึ้น 12.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน) คิดเป็นอัตรากําไรสุทธิ 9.4% และ 9.6% ตามลำดับ กลับมาเติบโตสูงอีกครั้งหลังปี 2566 กําไรเพิ่มเพียง 5%เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน

อย่างไรก็ตาม ITEL ผ่านปีที่ยากลําบากไปแล้วในปี 2566 บรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้นในปีนี้จากเม็ดเงินงบประมาณที่กําลังจะออกมา จะช่วยให้บริษัทกลับสู่โหมดการเติบโตอีกครั้ง หุ้นปัจจุบันเทรดที่ PE 10.9 เท่า และ PBV เพียง 0.8 เท่า ยังคงแนะนํา “ซื้อ” คงราคาเป้าหมาย 4.00 บาท อิง PE 17.0 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี

Back to top button