4 โบรกเคาะเป้า APO สูงสุด 1.64 บาท มั่นใจธุรกิจ “สกัดน้ำมันปาล์ม” โตเด่น

4 โบรกมองบวกหุ้น APO มั่นใจศักยภาพการเติบโตของธุรกิจสกัดน้ำมันปาล์ม ให้ราคาเหมาะสม 1.10-1.64 บาท เดินหน้าเข้าเทรด 2 เม.ย.นี้ โดยมี “แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์” เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน


บริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ APO ดำเนินธุรกิจสกัดน้ำมันปาล์มดิบ จำหน่ายผลิตภัณฑ์หลักจากการสกัดน้ำมันปาล์มดิบและผลพลอยได้ รวมถึงผลิตพลังงานไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพเพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร (AGRO) จำนวน 100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน

ขณะที่นักวิเคราะห์ 4 แห่งมีมุมมองภาพรวมการเติบโตของ APO ไปทิศทางเดียวกันว่า ธุรกิจสกัดน้ำมันปาล์มดิบค่อนข้างมีความผันผวนตามปัจจัยแวดล้อม อย่างไรก็ตาม APO วางแผนธุรกิจทำการตลาดเชิงรุก เพื่อขยายฐานลูกค้าให้หลากหลาย พร้อมวางแผนเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไรระยะยาว รวมถึงการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ เพื่อช่วยหนุนผลประกอบการในอนาคต

โดยบริษัทหลักทรัพย์ 4 แห่ง วิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตและให้กรอบราคาเป้าหมายระหว่าง 1.10-1.64 บาท ดังนี้

บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ประเมินกำไรสุทธิปี 66 ลดลง 53% เป็น 13 ล้านบาท เนื่องจากผลกระทบของสภาพอากาศเอลนีโญ ก่อนกลับมาเติบโตดีในปี 66 ประมาณ 321% เป็น 56 ล้านบาท รับปัจจัยหนุนจาก 1.รายได้จากธุรกิจหลักกลับมาเติบโตดีตามแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลก 2.รายได้จากธุรกิจผลิตพลังงานไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น ตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจาก 400 KW เป็น 1 MW 3.ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย (SG&A to sales) มีแนวโน้มลดลงจากระดับ 3.9% ในปี 65 เป็น 2.9-3.0% ในปี 67-68 และ 4.ภาษีจ่ายที่ลดลงจากการได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุน

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยกำหนดราคาเหมาะสมเท่ากับ 1.64 บาทต่อหุ้น ประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ APO อิง PER ปี 67 ที่ 10 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มน้ำมันปาล์มในตลาด

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด วิเคราะห์ว่า แผนการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต จะช่วยเพิ่มความสามารถการทำกำไร คาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 66-69 จะเติบโตในอัตราเฉลี่ย 21.5% ต่อปี

โดยเงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทมีแผนนำไปใช้ลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรในกระบวนการผลิต คาดการณ์ว่าโครงการจะแล้วเสร็จในปี 68 ซึ่งจะช่วยลดอัตราสูญเสียของวัตถุดิบ และต้นทุนการผลิต รวมถึงเพิ่มความสามารถการทำกำไร อีกทั้งคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิของ APO จะขยายตัวในอัตราเฉลี่ย 32.6% ต่อปี ระหว่างปี 66-69 จากการเร่งตัวของปริมาณจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ

ทั้งนี้ บริษัทประเมินมูลค่าเหมาะสมของ APO ที่ 1.50 บาท ด้วยวิธี Earnings Yield  อิงประมาณการกำไรต่อหุ้นปี 67 อัตราผลตอบแทนที่คาดหวังคือ 8% ระดับราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ PE ปี 67 ที่ 12.50 เท่า

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์ว่า APO มีวัตถุประสงค์นำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาลงทุนพัฒนาระบบการนึ่งแบบ Automation Phase 1 และ 2 จำนวน 68 ล้านบาท ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ ลดการสูญเสีย และลดต้นทุนการผลิต คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในช่วงครึ่งปีหลัง 67 และจะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งปีแรก 68 ส่วนเงินที่เหลือจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการต่อไป

นอกจากนี้ ยังคาดการณ์กำไรสุทธิปี 66 อยู่ที่13.93 ล้านบาท ลดลง 50.69% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากความผันผวนของราคาน้ำมันปาล์มดิบกับราคาทะลายปาล์มสดในบางช่วงเวลา ก่อนจะกลับมาเติบโตต่อเนื่องเป็น 41.48 ล้านบาท และ 60.36 ล้านบาท ในปี 66-68 หรือเติบโตด้วย อัตราเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ปี 66-68 ที่ 108.2%

ทั้งนี้ บริษัทฯ ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 67 อิง PE ที่ 11.50 เท่า อยู่ที่ 1.40 บาท โดยเลือกใช้วิธี P/E ในการประเมินมูลค่าเหมาะสม เปรียบเทียบกับบริษัทที่ประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกับ APO ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET และ mai ที่อยู่ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร อาทิ CPI LST UPOIC และ UVAN ซึ่งมีค่าเฉลี่ย PER ของ Peer ย้อนหลังในอดีต 3 ปีที่ 8.80 เท่า

อย่างไรก็ตามจากแนวโน้มกำไรต่อหุ้นของ APO มีโอกาสเติบโตในอัตราที่สูงกว่ากลุ่ม ด้วยสาเหตุหลักจากโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพภายใน จึงประเมินมูลค่าโดยใช้ PER Multiple ที่ระดับ 11.50 เท่า (+1SD ของ Peer) ได้ราคาเหมาะสมปี 67 ที่ 1.40 บาท

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์ว่า อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มมีทิศทางขยายตัวทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้กระทรวงเกษตรสหรัฐวางแผนยุทธศาสตร์ปฏิรูปปาล์มน้ำมันทั้งระบบ

โดยบริษัทคาดการณ์ว่าปี 67 APO จะมีกำไรสุทธิ 37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 112% จาก 16 ล้านบาท ในปี 66 เนื่องจากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้น รวมถึงรายได้ขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น การจัดหาผลปาล์มที่มีประสิทธิภาพ ทำให้มีผลปาล์มเข้าสู่โรงงานเพิ่มขึ้น 14%

นอกจากนี้การจัดหาผลปาล์มผ่านโครงการ Asian Plus+ ที่ให้ราคาผลปาล์มสูงกว่าตลาดสำหรับผลปาล์มที่มีคุณภาพสูงและให้เปอร์เซ็นต์น้ำมันสูง ส่งผลให้ปริมาณการขายเพิ่ม 16% ขณะที่ราคาขายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นส่งผลให้ยอดขายเพิ่ม 25% ด้านโรงไฟฟ้าเพิ่มกำลังการผลิตจาก 400 KW เป็น 1 MW ตั้งแต่ไตรมาส 4/66 ทำให้คาดการณ์ว่ารายได้ค่าไฟจะเพิ่มจาก 6 ล้านบาท ในปี 66 เป็น 22 ล้านบาท ในปี 67

ทั้งนี้ บริษัทประเมินมูลค่าพื้นฐานของ APO ปี 67 ที่ 1.10 บาท ด้วย P/E เป้าหมาย 10 เท่า (10% สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มน้ำมันปาล์มที่ 9 เท่า) ภายใต้แนวโน้มกำไรสุทธิฟื้นตัวโต 112% และ EPS หลังเพิ่มทุนเติบโต 81% ในปี 67 เพราะคาดการณ์ว่าปริมาณการขายและราคาขายน้ำมันปาล์มขยายตัว รวมทั้งโรงไฟฟ้าจากก๊าซมีการขยายกำลังการผลิต ซึ่งหากปริมาณการขายและราคาขายน้ำมันปาล์มปี 67 สูงกว่าสมมติฐาน จะทำให้ประมาณการและราคาเป้าหมายสูงกว่าคาดการณ์เดิม

Back to top button