DITTO ลั่นบันทึกกำไร “เน็ตเบย์” Q1 ทันที! แย้มจ่อขายโทเคน 400 ล้านบาท ไตรมาส 3 นี้

DITTO จ่อออกเหรียญโทเคนคาร์บอนเครดิต มูลค่า 300-400 ล้านบาท ไตรมาส 3/67 รายย่อยซื้อได้ผ่านตัวกลาง ระดมทุนปลูกป่าชายเลน จับตางบไตรมาส 1/67 เริ่มรับรู้กำไรจากการลงทุน “NETBAY” ตามสัดส่วนถือหุ้น 24.90% ล่าสุดตุนแบ็กล็อก 5,000 ล้านบาท หนุนการเติบโตในอีก 3 ปีข้างหน้า


นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  หรือ DITTO เปิดเผยในงานสัมมนาตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประจำไตรมาส 1/2567 หัวข้อ “โอกาสตลาดทุนปีมังกร” ว่า บริษัทมีแผนระดมทุนเพื่อใช้สำหรับการปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์คาร์บอนเครดิต (Blue Carbon) โดยออกโทเค็นดิจิทัลเพื่อการลงทุนสำหรับนักลงทุนรายใหญ่และสถาบัน ส่วนรายย่อยสามารถซื้อผ่านตัวกลาง ภายในไตรมาส 3/2567 หรือ ไตรมาส 4/2567 ซึ่งจะเห็นภาพการจับมือกับบริษัท โทเคน เอกซ์ หรือ Token X ในการออก Token คาร์บอนเครดิตดังกล่าว

ทั้งนี้ จากแผนเบื้องต้นคาดว่าน่าจะออกเหรียญ Token อยู่ที่ประมาณ 300-400 ล้านบาท แต่ว่าจะต้องรอดูจนกว่าราคา Token จะออกมาอย่างเป็นทางการ โดยบริษัทมีแผนระดมทุนเพื่อใช้สำหรับการปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์คาร์บอนเครดิต โดยเห็นว่าการออกโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน จะสามารถเป็นเครื่องมือในการระดมทุนที่เหมาะสม

สำหรับโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต โดยบริษัท สยาม ทีซี เทคโนโลยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ DITTO ได้รับอนุญาตจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้มีสิทธิ์ปลูกและบำรุงรักษาป่าชายเลน ระยะเวลาดำเนินโครงการ 30 ปี ปัจจุบันพื้นที่ทั้งหมด 176,496.24 ไร่ มีทั้งโครงการปลูกป่าขึ้นใหม่และโครงการร่วมกับชุมชน ในพื้นที่ภาคใต้ และภาคตะวันออก

ขณะที่ไตรมาส 1/2567 บริษัทจะเริ่มรับรู้กำไรจากการลงทุนในบริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) หรือ NETBAY และเน็ตเบย์ จะมีการปันผลออกมาในช่วงเดือน พ.ค.นี้ DITTO ก็จะสามารถรับรู้เงินปันผลเป็นเงินสดอีกด้วย โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการเข้าไปถือหุ้นประมาณ 24.90% ใน NETBAY ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ และทาง  NETBAY ก็มีการเข้ามาถือหุ้นใน DITTO เช่นกัน โดย NETBAY ถือเป็นผู้ให้บริการ e-Logistics รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีความเชี่ยวชาญแพลตฟอร์ม e-service ในการเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ รวมถึงมีระบบแพลตฟอร์มอีกมากมาย

ขณะที่ DITTO ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดเก็บข้อมูล ปัจจุบันจึงมีการต่อยอดเอาผลิตภัณฑ์การให้บริการของพันธมิตร นำการบริการแพลตฟอร์มต่างๆ มาเสริมศักยภาพให้กับลูกค้าเดิมของ DITTO เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจได้ดีขึ้นทั้งลูกค้าภาครัฐและเอกชน โดยประโยชน์ในการเข้าร่วมกับ NETBAY ทาง DITTO นั้น จะช่วยในเรื่องของทีมทำงานด้านการพัฒนาที่มีความเชี่ยวชาญและศักยภาพสูงจาก NETBAY ส่งผลให้สามารถเพิ่มงานโครงการใหญ่ต่างๆ ได้มากขึ้น เห็นได้ชัดจากการ Synergy การทำงานร่วมกัน อาทิเช่น โครงการสวนสัตว์แห่งใหม่ ในส่วนของระบบบริหารจัดการในสวนสัตว์ก็ได้ยกให้ทาง NETBAY เป็นผู้พัฒนา เป็นต้น

นอกจากนี้ DITTO ยังมีลูกค้าองค์กรส่วนท้องถิ่นที่ใช้บริการจัดเก็บเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในปีนี้ก็จะมีการดึง NETBAY เข้ามาทำในส่วนของ e-services ด้วย ส่วนของงานจัดเก็บเอกสารของกรมที่ดิน ศาล ก็จะมีการต่อยอดบริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเช่น การพัฒนาระบบ Cyber Security เป็นต้น จึงเป็นโอกาสที่ DITTO และพันธมิตรจะมีรายได้เพิ่มเข้ามาในแต่ละปี รวมถึงมิติที่จะสามารถรับงานโครงการที่มีมูลค่ามากขึ้น มีความหลากหลาย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งปีนี้ก็คาดว่าจะได้เห็นภาพของแต่ละโครงการที่จะออกมาทั้งจากภาครัฐและเอกชน

รวมถึงการเข้าไปลงทุนในบริษัท โสมาภา อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SIT ที่ DITTO ได้เข้าไปถือหุ้น 18% ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับสัญญาจากการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) ในการบริหารจัดการระบบคัดกรองผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออกของสนามบินของ ทอท.ทั้ง 6 แห่ง ระยะเวลายาวจนถึงปี 71 ส่วนรายได้คิดจาก Transaction ของจำนวนผู้โดยสาร

โดยปีที่ผ่านมา SIT ยังมีการปันผลครั้งแรก และปี 67 จากการคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก SIT ก็น่าจะมีกำไรเพิ่มอีกมาก ส่งผลให้ทาง DITTO ก็จะได้ปันผลกลับมามากเช่นกัน ประกอบกับภาพการจับมือระหว่าง SIT กับ NETBAY ก็จะเห็นการบริหารจัดการทั้งการขนคนและขนของที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึง SIT มีแผนที่จะนำระบบไปให้บริการที่ สปป.ลาว และโซนโอเชียเนีย ก็จะมีการนำระบบของ NETBAY ไปใช้ด้วยเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการให้บริการในอนาคต

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) มูลค่าอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท สำหรับภาพการเติบโตในอีก 3 ปี ข้างหน้า ในส่วนของ Backlog อย่างเดียวก็น่าจะอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกันในแง่ของรายได้ โดยไม่รวมรายได้โครงการใหม่ที่จะเกิด ซึ่งในปีนี้หลังจากที่มีพันธมิตรแล้ว ประกอบกับทางรัฐบาลมีนโยบายในการขับเคลื่อนด้าน Digital Transformation และทุกหน่วยงานก็พยายามปรับตัวเพื่อให้สามารถแข่งขันและส่งเสริมให้กับประชาชนได้ ทำให้ในปีนี้จะเห็นในอีกหลายโครงการมากขึ้น

Back to top button