เปิดโผ 20 หุ้นราคาพุ่งทะลุ 30% ไตรมาสแรก! โบรกชู TRUE-PLUS น่าลงทุนต่อ

เปิดโผ 20 หุ้นราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงพุ่งทะยานเกิน 30% อาทิ TPOLY- PORT-SRICHA-CNT-SAMART-GREEN- TRUE-GIFT-BEAUTY-DEMCO-PRM-PIN-MDX- COCOCO-PLUS- DCC- ALLA-ROJNA-KISS-AIT


ภาพรวมดัชนี SET Index ในช่วงไตรมาสแรกปี 2567 แกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบแคบ ๆ  แต่อิงไปในทิศทางลบ โดย ณ วันที่ 29 มี.ค. 2567 ปิดอยู่ที่ 1,377.94 จุด เมื่อเทียบกับช่วงวันที่ 28 ธ.ค. 2566 ปิดอยู่ที่ 1,415.85 จุด ลบไป 37.91 จุด หรือลงไป 2% โดยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันช่วงไตรมาสแรกอยู่ที่ 43,821.44 ล้านบาท สูงสุดเฉลี่ย 73,556.29 ล้านบาท ต่ำสุดเฉลี่ย 25,076.63 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่การซื้อขายแยกตามกลุ่มผู้ลงทุนในช่วงไตรมาสแรกระหว่างวันที่ (1 ม.ค.-29 มี.ค. 67) พบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 6,172.82 ล้านบาท, บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 2,892.75 ล้านบาท, นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 69,326.20 ล้านบาท และนักลงทุนภายในประเทศซื้อสุทธิ 78,391.78 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามเมื่อเจาะความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นรายตัวในกลุ่มตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 พบว่า ยังมีหลักทรัพย์ที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นร้อนแรงชนะตลาดหุ้นไทย

ทั้งนี้ได้คัดเลือกจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงใน 20 อันดับแรกที่พุ่งทะยานเกิน 30% ได้แก่หลักทรัพย์ TPOLY, PORT, SRICHA, CNT, SAMART, GREEN, TRUE, GIFT, BEAUTY, DEMCO, PRM, PIN, MDX, COCOCO, PLUS, DCC, ALLA, ROJNA, KISS และ AIT  

รายละเอียดการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นดูจากตารางประกอบ

ทั้งนี้ จากจำนวนหุ้น 20 อันดับแรกที่ปรับตัวขึ้นนั้นมีหุ้น TRUE และ PLUS ยังมีความน่าสนใจจากบทวิเคราะห์ประเมินต่อแนวโน้มผลการดำเนินในอนาคต และราคาเป้าหมาย เนื่องจากยังมีอัพไซด์ให้นักลงทุนเข้าไปลงทุนต่อได้ในช่วงถัดไป

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ทางบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดผลขาดทุนสุทธิไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ 1.50 พันล้านบาท หากไม่รวมการด้อยค่าของสินทรัพย์ 1.30 พันล้านบาท ผลขาดทุนหลักในไตรมาส 1/2567 น่าจะอยู่ที่ 200 ล้านบาท เทียบกับขาดทุนหลัก 1.70 พันล้านบาท ในไตรมาส 1/2566 และขาดทุนหลัก 1.00 พันล้านบาท ในไตรมาส 4/2566 โดยผลขาดทุนหลักที่ลดลงคาดว่าน่าจะมาจากการประหยัดต้นทุนและรายได้จากการบริการที่เติบโต (เพิ่มขึ้น 5.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน, และเพิ่มขึ้น 1.3% จากไตรมาสก่อน

นอกจากนี้ ประเมินรายได้จากธุรกิจมือถือ/FBB/เพย์ทีวี เติบโต เพิ่มขึ้น 1.4%/+1.5%/-1.0% จากไตรมาสก่อน ตามลำดับ โดยรายได้จากธุรกิจมือถือซึ่งคิดเป็น 79% ของรายได้ไตรมาส 1/2567 น่าจะได้รับแรงหนุนจากการแข่งขันที่ผ่อนคลายลงและจานวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ทั้งนี้ TRUE มีกำหนดรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ในวันที่ 3 พ.ค. 67 นี้

ขณะที่คาดว่าค่าใช้จ่ายในการดาเนินงาน (ไม่รวมค่าใช้จ่าย D&A) จะลดลง 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และ 1% จากไตรมาสก่อน ซึ่งจากต้นทุนค่าเสาโทรคมนาคม ค่าใช้จ่ายทางการตลาด และค่าบริหารจัดการที่ลดลงทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 67 ที่ผ่านมา TRUE ได้ยุติการใช้พื้นที่สานักงานที่จัตุรัสจามจุรี (เดิมคือสานักงานใหญ่ของบริษัทดีแทค) ซึ่งจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายในการดาเนินงานที่ลดลงทาให้เราคาดการณ์ EBITDA ไตรมาส 1/67 ที่ 2.34 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 20.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3.8% จากไตรมาสก่อน สะท้อน EBITDA Margin ที่ 45.5% เพิ่มขึ้นจาก 37.8% ในไตรมาส 1/2566 และ 43.0%ในไตรมาส 4/2566

ดังนั้นจากประเด็นข้างต้นเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 9.00 บาท  จากเดิม 8.30 บาท หลังลดประมาณการ capex ปี 2567-2569 ลง (ไม่รวมการผ่อนค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่) ลง 18-26% โดย capex ที่ลดลงส่งผลให้ค่าเสื่อมของโครงข่ายลดลง ส่งผลให้กาไรหลักปี 2567 เพิ่มขึ้น 13% ต่อในปี 2568 เพิ่มขึ้น 14% และในปี 2569 เพิ่มขึ้น 4% ตามลำดับ ตอนนี้คาดว่ากำไรหลักจะฟื้นตัวเป็น 4.20 พันล้านบาท ในปี 2567 จากขาดทุนหลัก 6.90 พันล้านบาท ในปี 2566 โดย TRUE น่าจะเริ่มเห็นกำไรหลักเป็นบวกตั้งแต่ไตรมาส 2/2567 เป็นต้นไป

บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS ทางบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่าจากข้อมูลผู้บริหารคาดในปี 2567 รายได้จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 40-50% โดยกลยุทธ์การเติบโตจะมาจากการขยายช่องทางการตลาด ควบคู่ไปกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยไลน์การผลิตใหม่ PET Aseptic ปัจจุบันเดินเครื่องผลิตและส่งออกในไตรมาส 1/2567 แล้ว ซึ่งมีกำลังการผลิตสูงระดับ 48.000 ขวดต่อชั่วโมง หรือ 150 ล้านขวดต่อปี ซึ่งสามารถรองรับดีมานด์ของลูกค้าได้มาก

นอกจากนี้ยังตั้งเป้าหมายในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อปีไม่น้อยกว่า 20 SKUs โดยสินค้าในกลุ่มขวด PET ปัจจุบัน น้ำมะพร้าว 100% แบรนด์ COCO ROYAL จะเติบโตจากตลาดจีน และเครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าวแบรนด์ MABU COCO เติบโตได้ดีในกล่มตะวันออกกลางและยุโรป ส่วนแผนการขยายสาขาที่ขายในห้าง Walmart สหรัฐอเมริกาให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเพิ่มจาก 3,000 สาขาในปัจจุบัน เป็น 4,000 สาขาภายในปีนี้ ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 2567 อยู่ที่ 263 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และในปี 2568 อยู่ที่ 322 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน

Back to top button