“กรภัทร” มอง SET รีบาวด์ แนะเก็บหุ้น “ท่องเที่ยว-ค้าปลีก” รับเศรษฐกิจฟื้น

“กรภัทร” มอง SET วันนี้รีบาวด์ รับความเชื่อมั่นนักลงทุน หลัง “ตลท.” เปิดข้อมูลการขายชอร์ตที่ยังไม่ได้ซื้อคืน โดยให้ แนวต้านที่ระดับ 1,380-1,387 จุด และแนวรับที่ 1,356 จุด พร้อมแนะลงทุนหุ้นกลุ่ม “ท่องเที่ยว-ค้าปลีก” รับเศรษฐกิจฟื้น ชู BJC เด่นสุด


นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ KCS เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (18 เม.ย. 67) ในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันนี้จะอยู่ในลักษณะรีบาวด์ โดยรับปัจจัยภายในเข้ามาหนุน ได้แก่ 1.การยกระดับความเชื่อมั่น จากการเปิดเผยข้อมูลการขายชอร์ตที่ยังไม่ได้ซื้อคืน (Outstanding Short Positions) โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)

2.ในสัปดาห์นี้จะสิ้นสุดการเปิดรับฟังความคิดเห็น การเช็กไทม์แสตมป์ของการชอร์ตเซลและการปรับลดความผันผวนของตลาด โดยหากมีการประกาศใช้ มองว่าจะมีความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น และทำให้นักลงทุนมีโอกาสลงทุนในหุ้นอิงปัจจัยพื้นฐานได้ดีขึ้น นอกจากนั้นในเชิงพื้นฐานเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาพของการฟื้นตัวแบบขั้นบันได โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ค่อนข้างมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตแบบขั้นบันได ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องในแต่ละไตรมาส และมีจุดพีกคือช่วงไตรมาส 4

ทั้งนี้ประเมินกรอบ SET Index ให้แนวต้านที่ระดับ 1,380-1,387 จุด และแนวรับที่ระดับ 1,356 จุด สำหรับการชอร์ตเซลวานนี้นั้น มองว่าหุ้นที่ถูกชอร์ตเซลจำนวนมากในหลายๆ ตัวมีโอกาสรีบาวด์แรงทั้งหมด อาทิ กลุ่มค้าปลีก โรงไฟฟ้า เป็นต้น

นอกจากนี้ให้หุ้นท็อปพิกวันนี้ เป็นกลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มการบริโภคหรือค้าปลีก เนื่องจากหุ้นหลายๆ ตัวในกลุ่มดังกล่าวมีปัจจัยบวก จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เร่งขึ้น โดยมีหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT, บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI และ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ซึ่งน่าจับตามองเป็นอย่างมาก เนื่องจากวานนี้มีการประชุมเปิดรับฟังความคิดเห็นกับตลาดหลักทรัพย์ฯ เรื่องการปรับเกณฑ์ SET50 และ SET100 ใหม่

โดยกำหนดมูลค่าการซื้อ-ขายไว้ที่ 25% ของมูลค่าการซื้อขายตลาดรวมเฉลี่ยรายตัว จากเดิมกำหนดไว้ที่ 50% และปรับเกณฑ์การหมุนหุ้น turn over เป็น 1% จากเดิมกำหนดไว้ที่ 2% ซึ่งเกณฑ์ดังกล่าวจะทำให้หุ้นบิ๊กแคปหลายๆ ตัวมีโอกาสเป็นเกณฑ์มาตรฐาน อีกทั้งยังมองว่า BJC มีโอกาสเป็น Index fund ในรอบกลางปีนี้อีกด้วย

Back to top button