“ตลท.” ชูเกณฑ์ใหม่ SET50 เริ่มใช้ครึ่งปีหลัง! GULF-INTUCH-BJC ตีปีก

ตลาดหลักทรัพย์ฯ สรุปเกณฑ์ใหม่คัดเลือกหุ้นเข้าออก SET50/100 แล้วเสร็จ เผย Trading Value ไม่น้อยกว่า 25% และ Turnover ratio เป็นไม่ต่ำกว่า 1% จากเดิม 2% พร้อมนำมาใช้ในรอบครึ่งหลังปี 67 ส่งผลหุ้น GULF กับ INTUCH อยู่คำนวณดัชนีฯ ต่อ ส่วน BJC BCP TIDLOR โอกาสเข้า SET50 เกือบ 100% ด้านกลุ่ม SET100 ตัวเต็ง BA MBK CKP QH SKY และ JAS


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การคัดเลือกหลักทรัพย์ของดัชนี SET50 และ SET100 ใหม่ โดยได้ดำเนินการเปิดรับฟังความคิดเห็น (เฮียริ่ง) จนถึงวันที่ 26 เม.ย. 2567 และพร้อมจะนำมาใช้ในการคัดเลือกหุ้นเข้าออกดัชนี SET50/100 รอบครึ่งหลังปี 2567

สำหรับเกณฑ์คัดเลือกที่ปรับปรุงใหม่คือ 1.Trading Value จากเดิมกำหนดระดับ Trading Value เริ่มต้นไว้ที่ 50% และอาจลดลงครั้งละ 5% แต่ต้องไม่น้อยกว่า 20% โดยการกำหนดระดับเริ่มต้นอ้างอิงจากการสำรวจข้อมูลจาก Industry พบว่าหลักทรัพย์ที่ผู้ลงทุนสามารถเข้าลงทุนได้โดยสะดวก ควรมีมูลค่าการซื้อขายประมาณ 20 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งภายใต้สภาวะตลาดในอดีตจะเทียบเคียงได้กับ Trading Value ที่ระดับประมาณ 50%

อย่างไรก็ตาม ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน พบว่าระดับ Trading Value ที่เทียบเคียงกับมูลค่าการซื้อขายตามข้างต้นอยู่ที่ประมาณ 25%

และ 2.Turnover Ratio จากเดิมเกณฑ์กำหนดระดับเริ่มต้นไว้ที่ 2% และอาจลดลงครั้งละ 0.5% แต่ต้องไม่น้อยกว่า 1% แต่จากสภาพตลาดที่ Turnover Ratio ของหุ้นมีแนวโน้มลดลง การเลือกใช้ระดับต่ำสุดที่กำหนดในเกณฑ์ปัจจุบันจะสอดคล้องกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป และเทียบเคียงกับระดับที่ผู้จัดทำดัชนีในต่างประเทศกำหนด

โดยตลท. ระบุอีกว่า เพื่อให้ดัชนี SET50 และ SET100 มีหลักเกณฑ์ที่มีความเหมาะสม สอดคล้องกับสภาวะตลาดในปัจจุบัน และมาตรฐานสากล รวมถึงสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดทำดัชนีได้ดียิ่งขึ้น จึงได้ปรับปรุงสำหรับดัชนี SET50 และ SET100 ตามหลักการคือ 1.ปรับเกณฑ์สภาพคล่องในการคัดเลือกหลักทรัพย์อ้างอิงดัชนี SET50 และ SET100 โดยปรับวิธีการพิจารณาสภาพคล่องของหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบของดัชนีให้เกิดความชัดเจน และสอดคล้องกับแนวทางในต่างประเทศ โดยยังคงใช้ปัจจัยที่ใช้พิจารณาสภาพคล่องทั้งมูลค่าการซื้อขาย (Trading Value) และอัตราส่วนจำนวนหุ้นที่มีการซื้อขาย (Turnover Ratio) ดังเช่นในปัจจุบัน

โดยใช้ปัจจัยในการพิจารณาสภาพคล่องตามเดิม หากแต่ได้ปรับปรุงวิธีการพิจารณาในลักษณะเดียวกับต่างประเทศ โดยการกำหนดเป็นค่า Minimum Requirement ของหลักทรัพย์ที่จะผ่านการคัดเลือกแทนดังนี้ Trading Value ไม่น้อยกว่า 25% และ Turnover Ratio ไม่น้อยกว่า 1% ทั้งนี้กรณีได้จำนวนหลักทรัพย์ไม่ครบตามที่ดัชนีกำหนด สามารถปรับลดจำนวนเดือนที่ผ่านเกณฑ์สภาพคล่องได้ตามแนวทางที่กำหนด

2.ปรับปรุงการประกาศหลักทรัพย์สำรองของดัชนี SET50 และ SET100 ด้วยเห็นว่าอาจไม่จำเป็นที่ต้องคัดเลือกหลักทรัพย์ให้ได้ 105 หลักทรัพย์ โดยยกเลิกการกำหนดจำนวนและประกาศรายชื่อหลักทรัพย์สำรองล่วงหน้าในรอบทบทวน และจะประกาศเมื่อมีเหตุการณ์ที่ต้องนำหลักทรัพย์มาแทนที่ในดัชนีให้ครบตามหลักการในปัจจุบัน และกำหนดหลักทรัพย์สำรองของดัชนี SET50 พิจารณาจากหลักทรัพย์ที่ผ่านการคัดเลือกลำดับที่ 51-100 และหลักทรัพย์สำรองของดัชนี SET100 พิจารณาจากหลักทรัพย์ที่ผ่านคุณสมบัติของดัชนีในรอบคัดเลือกเดียวกัน

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เผยว่า เกณฑ์คัดเลือกหุ้นเข้าออกดัชนี SET50/100 ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เพิ่งผ่านการเฮียริ่งไปนั้น ทางตลท.จะทำการเปลี่ยนจากการกำหนดค่าเริ่มต้นของสภาพคล่อง จากเดิม (Trading Value 50%, Turnover Ratio 2%) และปรับลดระดับลงมาเพื่อให้ได้หุ้นครบจำนวน 105 หุ้น เป็นการใช้เกณฑ์ขั้นต่ำ (Trading Value ไม่น้อยกว่า 25%, Turnover Ratio ไม่น้อยกว่า 1%) ซึ่งผลลัพธ์ของหุ้น SET50-100 ย้อนหลัง 10 ปี ไม่ต่างจากเดิมมากนัก ทำให้คาดว่ามีโอกาสสูงที่ตลท.จะนำเกณฑ์ดังกล่าวมาใช้ในการคัดเลือกหุ้นเข้าและออกดัชนี SET50-SET100 ในรอบครึ่งหลังปี 2567

ดังนั้น จึงจัดทำคาดการณ์รายชื่อหุ้นเข้า/ออก SET50- SET100 สำหรับรอบดังกล่าวอีกครั้ง ก่อนที่ตลท.ประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน มิ.ย. 2567 และมีผลเริ่มใช้ 1 ก.ค. 2567

สำหรับผลการคำนวณในรอบนี้ ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 พ.ค. 2566-17 เม.ย. 2567 ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงสูงในส่วนของ SET50 แต่อาจคาดเคลื่อนในบางส่วนในชุดหุ้น SET100 โดยหุ้นที่จะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC (โอกาสเข้า 100% กรณีปรับเกณ์), บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP (โอกาสเข้า 90%), บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR (โอกาสเข้า 90%) และ บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC (โอกำกาสเข้า 70%)

ส่วนหุ้นจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU (โอกาสหลุด 70%), บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD (โอกาสหลุด 70%), บริษัท บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE (โอกาสหลุด 90%) และ บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 (โอกาสหลุด 90%)

หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 7 บริษัท คือ BJC , บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA, บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) หรือ MBK, บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP, บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH, บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY และ บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด ระบุว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้เสนอแนวทางปรับปรุงเกณฑ์การคำนวณดัชนี SET50/100 ด้านสภาพคล่อง มองเป็น Sentiment “บวก” ต่อหุ้นที่มี Trading Value หรือปริมาณการซื้อขาย และ Turnover ratio (อัตราการหมุนเวียนการซื้อขาย) ในปัจจุบันที่ไม่ถึงเกณฑ์เดิมที่กำหนด และหากไม่ปรับเกณฑ์จะมีโอกาสหลุดจาก SET50/100 คือ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF และ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH

Back to top button