
CGSI มองกรอบ SET วันนี้ 1,135–1,180 จุด จับตา “กนง.” ลดดอกเบี้ย 30 เม.ย.นี้
CGSI ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัว 1,135–1,180 จุด รอผลประชุม “กนง.” ลุ้นลดดอกเบี้ย 30 เม.ย.นี้ พร้อมรับแรงหนุนเม็ดเงินกองทุน TESGX
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์ว่า ดัชนี SET Index จะเคลื่อนไหวในกรอบพักฐานบริเวณ 1,135–1,180 จุด ท่ามกลางการรอความชัดเจนจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 30 เมษายนนี้ ซึ่งตลาดส่วนใหญ่คาดว่าจะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 1.75% ซึ่งหากเป็นไปตามคาด จะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มการเงิน อสังหาริมทรัพย์ โรงไฟฟ้า และค้าปลีก อย่างไรก็ตาม มุมมองของตลาดส่วนใหญ่ได้สะท้อนปัจจัยบวกนี้ไปบางส่วนแล้ว จึงอาจจำกัดโอกาสการปรับขึ้นของราคาหุ้นในระยะสั้น
ขณะเดียวกัน ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการเตรียมเข้าซื้อขายของกองทุน TESGX ในวันที่ 2 พฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นมาตรการรองรับการไถ่ถอนกองทุน LTF ที่ครบกำหนด โดยกระทรวงการคลังคาดว่าเม็ดเงินประมาณ 15,000-20,000 ล้านบาทจะไหลเข้าตลาดในช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งถือเป็นแรงสนับสนุนต่อภาพรวมสภาพคล่อง
ในส่วนของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) พบว่าการประชุมนักวิเคราะห์ของบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA เมื่อวานนี้ บริษัทได้ยืนยันเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 10-15% จากแรงหนุนของกลุ่ม Data Centre แม้ว่ายอดขายกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐฯ จะชะลอตัวลงชัดเจน ทั้งนี้ บริษัทมีความระมัดระวังต่อแนวโน้มค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยแม้จะยังรักษาโมเมนตัมเชิงบวกในไตรมาส 2/2568 แต่แนวโน้มยอดขายในครึ่งปีหลังยังมีข้อจำกัด
ขณะเดียวกัน เกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ในประเทศสเปน โปรตุเกส และบางส่วนของฝรั่งเศสตอนใต้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ผ่านอัตราการเข้าพักที่ลดลงในโรงแรมของกลุ่มบริษัทในยุโรป ซึ่งอาจกดดันผลกำไรสุทธิในระยะสั้น
ทั้งนี้ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชันแนล แนะนำหุ้นเด่น ได้แก่ ERW โดยคาดว่า RevPAR ของโรงแรมในไทยจะยังแข็งแกร่ง และผลประกอบการในไตรมาส 1/2568 จะเติบโตได้ดี โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่ 2.42 บาท และจุดตัดขาดทุนที่ 2.30 บาท
และ GULF ซึ่งคาดว่าจะได้ประโยชน์จากภาวะดอกเบี้ยขาลง และการขยายธุรกิจหลังการควบรวมกิจการ พร้อมศักยภาพเติบโตระยะยาวจากงบดุลที่แข็งแกร่ง โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่ 47.25 บาท และจุดตัดขาดทุนที่ 44.50 บาท