
โบรกหั่นกำไรกลุ่ม “วัสดุก่อสร้าง” ปี 68-69 เซ่นอุปสงค์อ่อนแอ ชู TASCO เด่นสวนตลาด
“บล.กสิกรไทย” หั่นประมาณการกำไรกลุ่มวัสดุก่อสร้างปี 68-69 ลง 14%-11% รับผลกระทบอุปสงค์อ่อนตัว ขณะที่ TASCO ยังโดดเด่น รับแรงหนุนการเบิกจ่ายงบภาครัฐ
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวโน้มอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างในปี 2568 เพื่อนำเสนอต่อนักลงทุน โดยข้อมูลจากบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า อุปสงค์ในตลาดจะยังคงอ่อนแอต่อเนื่อง ไม่ต่างอะไรกับการก่อสร้างบ้านบนดินทราย ในช่วงที่พายุเศรษฐกิจกำลังพัดกระหน่ำ
โดยมีปัจจัยกดดันสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การเติบโตของ GDP ที่ชะลอตัวจากผลกระทบของภาษีนำเข้าสหรัฐฯ การใช้จ่ายในสินค้าคงทนที่อ่อนแรง และภาวะอุปทานล้นตลาดในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย แม้ว่าแสงสว่างปลายอุโมงค์ยังพอมองเห็นจากกิจกรรมก่อสร้างภาครัฐที่มักมีแนวโน้มดีกว่าภาคเอกชนในช่วงเศรษฐกิจซบเซา
ทั้งนี้ ในมุมมองเชิงบวก ฝ่ายวิจัยยังพอเห็นฟ้าเปิดบ้าง โดยคาดการณ์ว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของกลุ่มวัสดุก่อสร้างจะยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจนถึงปี 2570 อานิสงส์จากต้นทุนพลังงานที่ลดลง ทั้งนี้ ต้นทุนพลังงานมีสัดส่วนสูงถึง 35–90% ของต้นทุนขาย (COGS) ของผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้าง โดยบริษัทคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบดูไบในปี 2568 จะลดลงมาอยู่ที่ 67 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หรือหดตัว 16% จากปีก่อนหน้า สืบเนื่องจากภาวะอุปทานส่วนเกินในตลาดโลก ซึ่งจะส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติและผลิตภัณฑ์จากน้ำมันปรับตัวลดลงตามลำดับ เสริมแรงให้ต้นทุนการผลิตลดต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/2568 กสิกรไทยคาดการณ์ว่ากลุ่มวัสดุก่อสร้างจะทำกำไรสุทธิรวมราว 1.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากการฟื้นตัวของ บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO ซึ่งพลิกสถานการณ์จากปีก่อนหน้าที่ได้รับผลกระทบจากการล่าช้าในการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ
อย่างไรก็ดี หากไม่นับรวม TASCO กำไรสุทธิของกลุ่มจะหดตัว 17% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สะท้อนภาวะอุปสงค์ภาคเอกชนที่ยังเปราะบาง
ขณะที่ในเชิงกลยุทธ์ บล.กสิกรไทย ได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 2568 และ 2569 ของกลุ่มวัสดุก่อสร้างลง 14% และ 11% ตามลำดับ มาอยู่ที่ 8 พันล้านบาท และ 8.6 พันล้านบาท ตามลำดับ การปรับลดดังกล่าวสะท้อนถึงยอดขายในประเทศที่อ่อนแอและราคาขายที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้ต้นทุนพลังงานที่ลดลงจะช่วยพยุงอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้บ้าง ทั้งนี้ กลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือผู้ผลิตกระเบื้องเซรามิกอย่าง DCC และ SCGD ซึ่งความเชื่อมโยงกับตลาดที่อยู่อาศัยทำให้พวกเขาเผชิญแรงกดดันจากทั้งยอดขายและราคาขายที่ถดถอย
อย่างไรก็ดี ภายใต้สมรภูมิที่ไม่เอื้ออำนวยดังกล่าว กสิกรไทยจึงได้ปรับลดมุมมองกลุ่มวัสดุก่อสร้างจาก “เชิงบวก” เป็น “เป็นกลาง” และยังคงแนะนำ “ซื้อ” หุ้น TASCO เป็นตัวเลือกเด่น เนื่องจากบริษัทมีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ซึ่งคาดการณ์ว่าจะหนุนให้กำไรเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางสภาพตลาดที่เปราะบาง