PTT โชว์แผนปี 68 ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ ลุย “Mission X-CCS-Hydrogen” ดันธุรกิจโต

PTT เร่งเดินหน้ากลยุทธ์ "Mission X-CCS-LNG-Hydrogen" พร้อมแผนบริหารความเสี่ยงและสร้างเสถียรภาพทางการเงินระยะยาว ผลักดันธุรกิจเติบโตท่ามกลางเศรษฐกิจโลกชะลอตัว


ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 ว่า ผลประกอบการโดยรวมใกล้เคียงช่วงเดียวกันของปีก่อน หากไม่รวมรายการพิเศษจากการขายธุรกิจย่อยใต้กลุ่มอินโนเวชั่นเมื่อปีก่อนซึ่งมีกำไรพิเศษกว่า 4,600 ล้านบาท โดยในไตรมาสนี้ ปตท.ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบดูไบและราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลงต่อเนื่อง กดดันมาร์จิ้นธุรกิจต้นน้ำทั้งปิโตรเคมีและโรงกลั่น

ด้านธุรกิจการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของ PTTEP มีรายได้ลดลง แม้ปริมาณผลิตจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจก๊าซบางส่วนได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีตลาด อย่างไรก็ตาม ธุรกิจค้าปลีกและเทรดดิ้งฟื้นตัวชัดเจน โดยเฉพาะเทรดดิ้งที่พลิกวิกฤติราคาผันผวนให้เป็นโอกาสสร้างกำไร

สำหรับแนวโน้มทั้งปี 2568 ปตท.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยและโลกจะชะลอตัวจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ โดยราคาน้ำมันอยู่ในช่วงขาลง ราคาดูไบเฉลี่ยที่ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล กดดัน GRM เหลือ 3-4 ดอลลาร์/บาร์เรล และปิโตรเคมีฝั่งโพลีโอเลฟินส์ยังต่ำกว่าปีก่อน

อย่างไรก็ตาม ปตท.เดินหน้าปรับตัวเชิงรุก เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในธุรกิจต้นน้ำถึงปลายน้ำ เช่น เพิ่มอัตราการเดินโรงแยกก๊าซ ใช้ LNG Terminal เต็มประสิทธิภาพ พร้อมขยายพลังงานไฟฟ้า ยา สุขภาพ ไฮโดรเจน และเทคโนโลยี CCS ซึ่งมุ่งลดคาร์บอนในระยะยาว

ขณะที่พอร์ตลงทุน ปตท.ทยอยลดหรือถอนจากกิจการที่มีความเสี่ยงสูง และไม่สร้างผลกำไร ขณะที่สถานีชาร์จไฟฟ้าภายใต้ OR เดินหน้าขยายจุดชาร์จทั่วประเทศกว่า 3,000 แห่ง

สำหรับแผน Asset Monetization คาดสร้างกำไร 8,000 ล้านบาทในปีนี้ โดยร่วมกับ Mission X, P1, D1 และแผนลดต้นทุนที่คาดบรรลุ 10,000 ล้านบาทแล้ว ส่งผลให้รายได้ปีนี้มีแนวโน้มเติบโต

ด้านพลังงานสะอาด กลุ่ม ปตท. ตั้งเป้า Net Zero ปี 2050 โดยลดคาร์บอน 15% ภายในปี 2035 ผ่าน CCS และโครงการ Eastern CCS Hub ในอ่าวไทย ควบคู่การนำเข้า LNG ภายใต้สัญญาระยะยาวกับสหรัฐฯ เช่น Cheniere Energy รวมถึงศึกษาโครงการใหม่จากอลาสก้าเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและศักยภาพในการเป็น LNG Hub ระดับภูมิภาค

ส่วนธุรกิจปิโตรเคมียังเผชิญมาร์จิ้นต่ำ ปตท.จึงเร่งเจรจาพันธมิตรระดับโลกเพื่อเสริมความแข็งแกร่งและลดความเสี่ยงด้านอุปทานในภูมิภาค พร้อมปรับโครงสร้างสินทรัพย์ในกลุ่ม IRPC, GC, TOP เพื่อเตรียมความพร้อมรับการร่วมทุนใหม่ในอนาคต

ทั้งนี้ กลุ่ม ปตท. ย้ำเป้าหมายการเติบโตยั่งยืน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยจ่ายปันผลปีล่าสุด 2.10 บาทต่อหุ้น คิดเป็นยีลด์กว่า 6% พร้อมเดินหน้าซื้อหุ้นคืน และตั้ง War Room รับมือเศรษฐกิจโลกชะลอตัว 5 ด้านหลัก ได้แก่ การค้า การลงทุน น้ำมัน การเงิน และนโยบายรัฐ

นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้น Digital Transformation สร้างมูลค่าเพิ่ม 10,000 ล้านบาทในปี 2572 ผ่าน 270 โครงการภายใต้ Mission X เสริมด้วยการพัฒนาบุคลากร Digital Factory และแผน Virtual Bank ร่วมกับพันธมิตรใหญ่ AIS และธนาคารกรุงไทย

โดยกลุ่ม ปตท. ยืนยันว่า กลยุทธ์ในปีนี้คือ “สร้างความแข็งแกร่ง รับมือวิกฤต พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน” เพื่อรักษาเสถียรภาพของธุรกิจพลังงานหลัก ควบคู่การขยายไปสู่ธุรกิจแห่งอนาคตที่มีศักยภาพเติบโตสูง

Back to top button