
NRF มั่นใจครึ่งปีหลังสดใส รับไฮซีซั่นธุรกิจ-ลุยแผนฟื้นสภาพคล่อง
NRF มองไตรมาส 2/68 ฟื้นตัวจากไตรมาสแรก หลังเข้าช่วงไฮซีซั่น-ลุ้นเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1 ล้านล้านยูโร จาก EU-UK หนุนยอดขายเติบโต มองทั้งปี 68 แตะระดับ double-digit หากสางปัญหาสภาพคล่องจ่ายหนี้หุ้นกู้ทันเวลา
นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF ได้เปิดเผยข้อมูลของบริษัทฯ ผ่านงาน Opportunity Day ที่จัดโดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 โดยรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 ว่าพลิกขาดทุนสุทธิ 188.11 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 62.53 ล้านบาท โดยมีสาเหตุมาจากรายได้จากการขายสุทธิลดลง 122.6 ล้านบาท หรือ 13.50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากกลุ่มธุรกิจอาหารท้องถิ่นและอาหารเฉพาะทาง (Ethnic and Specialty Food Business) ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Food Business) และธุรกิจจำหน่ายตรงถึงผู้บริโภค (Direct-to-Consumer หรือ DTC Business)
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ คาดการณ์ว่าธุรกิจจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากไตรมาส 1 ปี 2568 ที่ผ่านมา สหภาพยุโรป (EU) ได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ โดยเน้นไปที่ภาคการป้องกันประเทศ (Defence) ด้วยวงเงินสูงถึง 1 ล้านล้านยูโร (One Trillion Euros) ซึ่งคาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะถัดไป
อีกทั้ง นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรได้มีการหารือและบรรลุข้อตกลงร่วมกับ EU ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวคาดว่าจะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรเพิ่มเติม โดยเฉพาะภาคธุรกิจบริการ เช่น ร้านอาหารเอเชีย (Asian Restaurant) และ ซูเปอร์มาร์เก็ต เนื่องจากแนวโน้มการท่องเที่ยว การเดินทางเข้าสู่สหราชอาณาจักรเพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ สถานการณ์หุ้นกู้ NRF254A ของบริษัทฯ ที่ครบกำหนดไถ่ถอน ซึ่งความเป็นจริงแล้ว บริษัทฯ ได้วางแผนรองรับไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ 2 ปีก่อน โดยมีเป้าหมายขายสินทรัพย์ (Asset) เพื่อนำเงินมาชำระคืนหุ้นกู้ อย่างไรก็ตามด้วยเหตุการณ์บางประการ ทำให้กระบวนการขาย Asset ล่าช้าส่งผลกระทบต่อแผนการชำระหนี้
ส่วนการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ครั้งแรก ได้มีการตกลงร่วมกันว่าบริษัทฯ จะต้องชำระคืนเงินต้นจำนวน 15% ภายในวันที่ 20 เมษายน พร้อมกับปรับอัตราดอกเบี้ยจากเดิม 6.75% เป็น 7.25%
นอกจากนี้ ยังมีข้อกำหนดเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ จะต้องทยอยชำระเงินต้นทุกๆ 6 เดือนในอัตรา 5% และหากบริษัทฯ สามารถขายเงินลงทุนได้ หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง บริษัทฯ จะต้องนำเงินดังกล่าวมาชำระคืนหุ้นกู้อย่างน้อย 50%
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงวันที่ 20 เมษายน บริษัทฯ ไม่สามารถชำระคืนเงินต้นได้ตามที่กำหนด โดยสามารถชำระได้เพียงบางส่วนของดอกเบี้ยเท่านั้น (บริษัทฯ มีรอบการชำระดอกเบี้ยทุกไตรมาส) ซึ่งในวันครบกำหนดนั้น สามารถจ่ายดอกเบี้ยได้เพียงประมาณ 25% ส่วนดอกเบี้ยที่เหลืออีกประมาณ 74% จำเป็นต้องเลื่อนไปชำระภายในวันที่ 30 เมษายน
ดังนั้น บริษัทฯ จึงถือว่ามีการผิดนัดชำระหนี้บางส่วน โดยเฉพาะในส่วนของเงินต้น 15% ที่ตกลงกันไว้ในการประชุมก่อนหน้านี้ โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากบริษัทไม่สามารถขายสินทรัพย์ (Asset) เพื่อมาชำระหนี้ได้ตามแผน
เหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้หุ้นกู้ของบริษัทฯ เริ่มต้นช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2566 แม้ผลกระทบจะเริ่มชัดเจนในไตรมาส 1 ปี 2568 โดยบางสถาบันการเงินเริ่มทยอยดึงวงเงินสินเชื่อที่เคยให้กับบริษัทฯกลับคืน และสถาบันการเงินอื่น ๆ ก็เริ่มดำเนินรอยตาม ทำให้บริษัทมีสภาพคล่องลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
โดยแผนการแก้ไขปัญหาดังกล่าว บริษัทเตรียมเดินหน้าเจรจาผู้ถือหุ้นกู้และเจ้าหนี้ โดยมีเป้าหมายปรับโครงสร้างหนี้ ขยายเวลาชำระ รวมทั้งเร่งระดมทุนฉุกเฉิน หรือ ติดต่อสถาบันการเงินเพื่อหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม
ส่วนภาพรวมของไตรมาส 2 ปี 2568 บริษัทฯ คาดว่าผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อาจยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากยังคงมีปัจจัยด้าน สภาพคล่องทางการเงิน ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ
“ไตรมาส 2 เริ่มเข้าสู่ช่วงของ “peak season” ของบริษัท โดยช่วงไฮซีซั่นจริง ๆ คือ ไตรมาส 3 และ 4 ซึ่งยอดขายจะเติบโตชัดเจน ดังนั้น ไตรมาส 2 จะถือเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านที่มีแนวโน้ม ดีกว่าไตรมาส 1 แต่ยังไม่ใช่จุดพีกของรายได้ทั้งปี ทั้งนี้ มีโอกาสที่ผลประกอบการในครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวได้อย่างมีนัยสำคัญ” นายแดน กล่าว
นอกจากนี้ในปี 2568 บริษัทฯ ประเมินว่ายังมีโอกาสที่จะเติบโตได้ในระดับสองหลัก (double-digit growth) หากสามารถจัดการกับปัญหาด้านสภาพคล่องที่เกิดขึ้น แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 บริษัทอาจยังคงเผชิญกับความท้าทายด้านกระแสเงินสด แต่หากสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ตามแผนที่วางไว้ ก็ยังคงมีความมั่นใจว่ารายได้ทั้งปีจะเติบโตได้ในระดับที่น่าพอใจ