MGC เสิร์ฟข่าวดี Q2 ฟอร์มเจ๋ง ทยอยส่งมอบรถ ดันแบ็กล็อกแตะ 2,159 คัน

MGC-ASIA เสิร์ฟข่าวดีไตรมาส 2/68 เดินหน้าทยอยส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ XPENG กว่า 1,500 คัน ตุนแบ็กล็อกในมือ 2,159 คัน ดันผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกโต พร้อมมุ่งเน้นพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ หนุนผลงานปี 68 เติบโตอย่างสดใส


ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA เปิดเผย ถึงทิศทางภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ว่า ครึ่งปีแรกผลการดำเนินงานมีแนวโน้มปรับตัวเติบโตอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ (Mobility Retail)

เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตแบบก้าวกระโดดรับเมกะเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า ส่งผลให้ บริษัทฯ ได้รับอานิสงค์และมียอดจองรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเห็นได้จากยอดคำสั่งซื้อรถยนต์ที่ยังคงมีอยู่ในระดับสูงตั้งแต่ไตรมาสแรก และต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 2/2568  โดยเฉพาะ XPENG ที่รอทยอยส่งมอบรถให้ลูกค้ากว่า 1,500 คัน และ ณ วันที่13 พฤษภาคม 2568 บริษัทฯ มีสินค้ารอส่งมอบ (Backlog) 2,159 คัน โดยแบ่งเป็น  XPENG จำนวน 1,265 คัน, ZEEKR 248 คัน, Rolls-Royce 8 คัน, BMW 179 คัน, MINI 62 คัน, HONDA 228 คัน, Harley-Davidson 67 คัน และ BMW Motorrad  102 คัน

ขณะที่กลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขาย (Aftersales Service) บริษัทฯ มุ่งตอกย้ำศักยภาพการให้บริการด้านการจัดการงานซ่อมให้ครอบคลุมทุกมิติ ตามมาตรฐานสากล สู่การสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) โดยบริษัทฯ มีแผนขยายสาขา  MMS Car Service & Tire ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร (One-Stop Service) เพิ่มอีก 5 สาขา ในกรุงเทพและหัวเมืองใหญ่ เพื่อเพิ่มบริการให้ครอบคลุมในหลากหลายพื้นที่

ด้วยเหตุนี้แผนการขยายสาขา บริษัทฯ จะเลือกลงทุนบนทำเลที่มีศักยภาพ และเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ เพื่อยอดใช้บริการที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีแผนการจะย้ายหรือปิดสาขาที่หมดอายุสัญญา รวมถึงสาขาที่ผลการดำเนินงานไม่เป็นตามเป้า เพื่อลดภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายทางธุรกิจ

กลุ่มธุรกิจให้บริการรถเช่าและพนักงานขับ ทั้งระยะสั้น ระยะยาว (Car Rental and Driver Services) ยังมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากฐานลูกค้าระดับพรีเมียม-ลักชัวรี ที่ยังคงมีดีมานด์การใช้เพิ่มขึ้น และบริษัทฯมีการบริหารปรับพอร์ตรถยนต์และบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การมุ่งเน้นพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ ที่มุ่งเน้นการสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงให้ทุกกลุ่มธุรกิจ

กลุ่มธุรกิจอื่นๆ (Other Services) สำหรับธุรกิจบริการทางการเงินอย่างครบวงจร บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด (Alpha X) บริษัทฯ มุ่งเน้นการให้สินเชื่อ Wealth Lending ในอัตราที่เพิ่มขึ้น และผลจากการบริหารค่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Net Interest Margin: NIM) ที่ปรับตัวดีขึ้น จากปัจจัยสนับสนุนกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25%  จาก 2% เหลือ 1.75% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ช่วงครึ่งปีหลัง ส่งสัญญาณบวกต่อธุรกิจที่สามารถเปิดโอกาสให้การลงทุนและสินเชื่อเอกชนกลับมาฟื้นตัว และจากปัจจัยบวกดังกล่าว ส่งผลให้ Alpha Xสามารถขยายพอร์ตสินเชื่อ Wealth Lending เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้า Ultra-high Net Worth ได้เพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้าขยายพอร์ตสินเชื่อเพิ่มขึ้นแตะระดับ 12,500 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และควบคุมผลขาดทุนด้านเครดิต โดยนำเสนอการแก้ปัญหาในการชำระหนี้ที่ยั่งยืนให้กับลูกค้า เพื่อสร้างผลกำไรให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ทาง บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด วางแผนกลยุทธ์ที่จะขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น ด้วยการเพิ่มผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าอาทิ ประกันสุขภาพดูแลสวัสดิการพนักงาน และประกันแบบกลุ่มที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในวัยเกษียณ

รวมถึงยังได้ขยายการให้บริการ กลุ่มประกันภัยไซเบอร์ (Cyber Insurance) ทั้งสอดรับกับสถานการณ์ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีและภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างการเติบโตของธุรกิจให้มั่นคงและยั่งยืนในอนาคต ซึ่งการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์เป็นการต่อยอดจากเดิมที่ให้บริการครอบคลุมไปยังภาคพลังงานและพลังงานทางเลือก เพื่อต่อยอดธุรกิจให้อยู่บนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสังคมและรักษาสิ่งแวดล้อมให้อยู่อย่างยั่งยืน

อีกทั้ง ดร.สัณหวุฒิ กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2568 คาดว่าจะเติบโตกว่าปีก่อน จากกลยุทธ์การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้ภาวะกดดันจากหลายปัจจัยที่เข้ามา ทำให้บริษัทฯ ต้องวางแผนอย่างละเอียด เพื่อต่อยอดการเติบโตใน 4 ธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ ที่จะมีการส่งมอบรถอีกประมาณ 2,100 คัน ภายในไตรมาส 2/2568 และไตรมาส 3/2568 โดยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทฯ เป็นผู้นำและจัดจำหน่ายรถยนต์ในเซกเมนต์พรีเมียม ทำให้ในปัจจุบันบริษัทฯ ได้มุ่งเน้นกับรถยนต์เพียงบางรุ่นที่กำลังเป็นที่นิยม เพื่อลดภาระต้นทุนการขายไม่ให้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว จากผลกระทบของนโยบาย Trump 2.0 ที่มีการปรับเพิ่มกำแพงภาษีเพื่อกีดกันการค้า ส่งผลให้ บริษัทฯ ต้องปรับตัวและวางแผนกลยุทธ์บริหารต้นทุนอย่างรอบคอบ ทำให้ในปัจจุบันการขยายธุรกิจไปประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนและนโยบายภาษีอย่างถี่ถ้วน เพื่อสร้างการลงทุนให้มีสิทธิภาพ และสร้างผลตอบแทน ที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกท่าน

Back to top button