
SET บ่ายร่วงต่อ 19 จุด รับแรงขาย DELTA ดิ่งกว่า 10% เซ่นเกณฑ์ใหม่ Capped Weight
SET บ่ายทรุดกว่า 19 จุด! รับแรงเทขาย DELTA ร่วงกว่า 10% กังวลการปรับเกณฑ์ Capped Weight จำกัดน้ำหนักหุ้นรายตัวใน SET50-100 กดดัชนีภาพรวมตลาด ขณะที่หุ้นแบงก์ไหลตาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(4 มิ.ย.68) ตลาดหุ้นไทยช่วงบ่ายปรับลงต่อไปกว่า 19 จุด รับแรงขายหุ้น DELTA หนักร่วงกว่า 11% จากความกังวลมาตรการของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่กลางปีนี้จะปรับเกณฑ์ Capped Weight อีกทั้งกลุ่มแบงก์ก็ปรับตัวลงตามไปด้วยกดดันดัชนี
โดย ณ เวลา 15:30 น.ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,129.61 จุด ลดลง 19.57 จุด (-1.70%) ด้วยมูลค่าซื้อขาย 37,903.92 ล้านบาท
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน (บลป.) เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายปรับตัวลงมากว่า 20 จุด โดยปัจจัยกดดันดัชนีมาจากแรงขายหุ้น DELTA กังวลการปรับเกณฑ์ Capped Weight จำกัดน้ำหนักหุ้นรายตัวใน SET50-100 กดดัชนีลงราว 12 จุด รวมถึงแรงขายหุ้นกลุ่มแบงก์ออกมาในช่วงบ่ายนี้ และยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาส่งผลต่อดัชนี ในขณะที่นักลงทุนยังคงรอติดตามความคืบหน้าเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่คาดว่าจะมีการหารือกันอีกรอบสัปดาห์นี้โดยให้แนวต้าน 1,135-1,140 จุด แนวรับ 1,115-1,120 จุด และล่าสุด SET มาอยู่ที่ 1,128.40 จุด ลดลง 20.78 จุด เมื่อเวลา 15.00 น.
ขณะที่นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ์ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาแย่กว่าตลาดหุ้นภูมิภาค โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้นรายตัว โดยเฉพาะ DELTA ร่วงกว่า 7% จากมาตรการของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่กลางปีนี้จะปรับเกณฑ์ Capped Weight จำกัดน้ำหนักหุ้นรายตัว SET50/100 ไม่เกิน 10% ซึ่งปัจจุบัน DELTA มีน้ำหนัก 11% สูงกว่าเกณฑ์ ทำให้กองทุนปรับลดน้ำหนักลงมา กลายเป็นโมเมนตัมเชิงลบที่ทำให้หุ้นขนาดใหญ่ปรับตัวลงตามมาด้วย
ด้านราคาหุ้น DELTA ณ เวลา 15:33 น. อยู่ที่ระดับ 92.75 บาท ลบ 11.25 บาท หรือ 10.82% ราคาสูงสุด102.00 บาท ราคาต่ำสุด 91.25 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 3,591.98 ล้านบาท
อนึ่งสำหรับเกณฑ์ Capped Weight สำหรับดัชนี SET50 และ SET100 นั้นมีหลักการคำนวณโดยใช้วิธี ถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization Weighting) แต่จะมีการ “จำกัด” (Cap) สัดส่วนสูงสุดของหุ้นรายตัวในดัชนีไว้ที่ ไม่เกิน 10% เพื่อป้องกันไม่ให้หุ้นใดหุ้นหนึ่งมีอิทธิพลมากเกินไป