“ธุรกิจก๊าซ” เจอแรงกดดัน รายได้ปี 68 ส่อหดตัว เหตุต้นทุนสูง-ดีมานด์ซบ

KResearch คาดธุรกิจก๊าซไทยปี 2568 ยังทรงตัวแต่ต่ำกว่าปีก่อน เหตุต้นทุน Pool Gas เพิ่ม ขณะดีมานด์โดยรวมซบเซา เสี่ยงกดดันกำไรผู้จัดหาและโรงแยกก๊าซต่อเนื่อง


นางสาวณัฐนรี จิรัปปภา นักวิจัยจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย (KResearch) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจก๊าซธรรมชาติของไทยในปี 2568 มีแนวโน้มทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยคาดว่ารายได้จะเติบโตเพียง 0.1% แต่ยังต่ำกว่าปี 2566 ถึง 18% สะท้อนแรงกดดันจากทั้งฝั่งต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและอุปสงค์ภายในประเทศที่ชะลอตัว

ต้นทุนก๊าซธรรมชาติของไทยในปีนี้ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนสูตรราคาก๊าซมาใช้ Pool Gas เต็มรูปแบบ ซึ่งคำนวณจากราคานำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ราคาก๊าซจากอ่าวไทย และเมียนมา โดยราคา Pool Gas คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 0.4% จากปีก่อน ตามทิศทางราคานำเข้า LNG ที่ได้รับแรงหนุนจากอุปทานตึงตัวในสหรัฐฯ และความต้องการสูงขึ้นในเอเชียช่วงต้นปี แม้ราคาก๊าซจากอ่าวไทยที่อ้างอิงราคาน้ำมันดิบดูไบจะมีแนวโน้มลดลง

อย่างไรก็ดี ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในประเทศมีแนวโน้มหดตัวลง 0.3% โดยแม้ภาคการผลิตไฟฟ้าจะเติบโต 0.9% ตามความต้องการใช้ไฟฟ้าในเขตเมืองและภาคบริการที่ฟื้นตัวหลังโควิด-19 แต่ภาคอุตสาหกรรมกลับหดตัว 1.5% จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการแข่งขันจากสินค้าจีน ขณะที่ภาคขนส่ง (NGV) หดตัวถึง 14.3% จากจำนวนรถ CNG ที่ลดลงและสถานีบริการที่ทยอยปิดตัว

ด้านกำไรขั้นต้นต่อหน่วยของผู้ประกอบการในห่วงโซ่ก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มลดลง โดยผู้จัดหาก๊าซธรรมชาติมีกำไรลดลงราว 0.5% จากต้นทุนที่สูงขึ้น ขณะที่โรงแยกก๊าซ (GSP) ได้รับผลกระทบชัดเจนยิ่งขึ้น โดยคาดว่ากำไรจะลดลงถึง 8% จากต้นทุนก๊าซที่อ้างอิง Pool Gas ซึ่งแพงกว่าราคาก๊าซจากอ่าวไทยเดิม

ขณะเดียวกัน ปริมาณการนำเข้าก๊าซธรรมชาติโดยรวมในปีนี้คาดว่าจะลดลง 5.5% โดยการนำเข้าจากเมียนมาจะลดลง 9.6% ตามการผลิตที่ถดถอยจากแหล่งยาดานาและซอติก้า ซึ่งได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศเมียนมา ส่วนการนำเข้า LNG ลดลง 3.9% จากอุปสงค์ภายในประเทศที่ชะลอตัว ประกอบกับแหล่งก๊าซเอราวัณสามารถผลิตได้เต็มกำลังตลอดปี

ในระยะกลางถึงยาว อุตสาหกรรมก๊าซไทยยังเผชิญความเสี่ยงสำคัญหลายประการ อาทิ การปรับแผน PDP 2024 ที่ลดสัดส่วนการใช้ก๊าซเพื่อผลิตไฟฟ้าลงเหลือ 41% ภายในปี 2580 และเพิ่มพลังงานสะอาดเป็น 51% รวมถึงแนวโน้มการลดลงของแหล่งก๊าซในประเทศที่จะทำให้ไทยต้องพึ่งพาการนำเข้า LNG เพิ่มขึ้น ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานในการนำเข้า เช่น สถานีรับ-จ่าย LNG อาจไม่เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติโดยภาครัฐที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา อาจกระทบต่อราคาจำหน่ายในภาคส่วนต่าง ๆ เพิ่มความไม่แน่นอนให้กับผู้ประกอบการในระบบ โดยเฉพาะในบริบทที่ประเทศไทยต้องบริหารจัดการแหล่งนำเข้าก๊าซจากเมียนมาซึ่งกำลังจะหมดอายุสัมปทานในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

Back to top button