“ทองนิวยอร์ก” ปิดร่วง 22.40 เหรียญ หลัง “ทรัมป์” ชะลอท่าทีร่วมศึก “อิหร่าน-อิสราเอล”

“ทองนิวยอร์ก” ปิดร่วง 22.40 ดอลลาร์ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชะลอการเข้าร่วมสงครามอิสราเอลและอิหร่าน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้เลื่อนการตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมทำสงครามระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านหรือไม่

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนสิงหาคมลดลง 22.40 ดอลลาร์ หรือ 0.66% ปิดที่ 3,385.70 ดอลลาร์/ออนซ์

โดยเทรดเดอร์รายหนึ่งระบุว่า ราคาทองทรงตัว หลังจากทรัมป์ถอยจากท่าทีที่จะโจมตีอิหร่าน และตอนนี้ดูเหมือนว่าข่าวร้ายส่วนใหญ่จะออกมาครบแล้ว อีกทั้ง การปรับฐานลงสู่ระดับ 3,250 ดอลลาร์/ออนซ์ ยังเป็นไปได้ แต่ทุกครั้งที่ราคาทองอ่อนตัวลงก็จะมีแรงซื้อกลับอย่างแข็งแกร่ง

อีกทั้ง เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา ทำเนียบขาวระบุว่า ทรัมป์จะตัดสินใจภายในสองสัปดาห์ข้างหน้าว่า จะให้สหรัฐฯ เข้าร่วมทำสงครามทางอากาศระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านหรือไม่ ซึ่งเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้อิหร่านเข้าสู่การเจรจา

สำหรับเมื่อวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา ทางอิหร่านได้ยิงขีปนาวุธชุดใหม่ใส่อิสราเอล โดยพุ่งเป้าไปที่ใกล้กับอพาร์ตเมนต์ อาคารสำนักงาน และโรงงานอุตสาหกรรมในเมืองเบียร์เชวาทางตอนใต้ของประเทศ

ทั้งนี้ ทองคำมักถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงเวลาที่เกิดความไม่แน่นอนทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกัน ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.68 ขณะที่ผู้กำหนดนโยบายการเงินยังคงคาดว่า FED จะลดดอกเบี้ยรวม 0.5% ภายในปีนี้ แต่แนวโน้มในระยะยาวถูกปรับให้ชะลอลง โดยในปี 2569 และ 2570 คาดว่า FED จะลดดอกเบี้ยเพียงไตรมาสละ 0.25%.ทั้งนี้ สภาพแวดล้อมที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงไม่เอื้อต่อการลงทุนในทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีดอกเบี้ย

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์รายหนึ่งระบุเสริมว่า ความต้องการทองคำจากนักลงทุนที่มองหาสินทรัพย์ปลอดภัย และจากธนาคารกลางในหลายประเทศ จะช่วยพยุงราคาทองคำให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง

Back to top button