CGSI ลดน้ำหนักลงทุน “หุ้นพลังงาน” หวั่นความขัดแย้ง “ไทย-กัมพูชา” บานปลาย

CGSI ประเมินความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชากระทบธุรกิจไทยในพื้นที่ ทั้ง OR, TOP, SCC โดยเฉพาะน้ำมันและปูนซีเมนต์ แนะ Underweight กลุ่มพลังงานจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์


ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาจากข้อพิพาทเขตแดนเริ่มตึงเครียดมากขึ้น หลังทหารของทั้งสองฝ่าย ปะทะกันในเดือนพ.ค.68 โดย Cambodianess (สื่อของกัมพูชา) รายงานว่านายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตของกัมพูชา ได้สั่งระงับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากไทยแล้ว

สำหรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจไทยในกัมพูชา มีดังนี้ OR ในไตรมาส 1/68 มีร้านกาแฟ Café Amazon 254 สาขาและร้านสะดวกซื้อ 71 สาขาอยู่ในกัมพูชา โดย OR ระบุว่า ธุรกิจในกัมพูชามีสัดส่วน 7.8% ของ EBITDA และ 11% ของกำไรก่อนหักรายการพิเศษ (ภายใต้สมมติฐานอัตราภาษีเงินได้ 20%) ในปี 67

รวมถึงธุรกิจโรงกลั่นไทยมีการส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันไปยังกัมพูชาเช่นกัน แต่มีสัดส่วนเล็กน้อยในปี 68 ที่ผ่านมา เช่น TOP ที่ 5-8%, IRPC ที่ 3%  ส่วน SPRC และ PTTGC ไม่ถึง 1% ขณะที่ผลกระทบต่อ PTT ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ OR ควรจะรวม oil margin จากธุรกิจการค้าระหว่างประเทศผ่านบริษัทลูกในสิงคโปร์ด้วย

ฝ่ายวิเคราะห์ฯเชื่อว่า การส่งออก LNG และ LPG ไปยังกัมพูชามีสัดส่วนน้อยมาก เนื่องจากกัมพูชาไม่มีสถานีรับ-จ่ายก๊าซ LNG (การส่งออก ต้องมีถังบรรจุ ISO) ส่วนการส่งออก LPG จะต้องขนส่งด้วยรถบรรทุกเท่านั้น

นอกจากนี้ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า SCC มีโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ 1.85mtpa ในกัมพูชา (vs.กำลังการผลิตโดยรวมของ SCC อยู่ที่ 33.35mtpa ในปี 67) ภายใต้ชื่อบริษัท Kampot Cement โดยเปิดมาตั้งแต่ปี 48 ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน (JV 92.5%:7.5%) ซึ่ง SCC จัดตั้งกับหุ้นส่วนในท้องถิ่นคือ Khaou Chuly Group โดยฝ่ายวิเคราะห์ฯประมาณการว่า SCC มีปริมาณการขายปูนซีเมนต์ในกัมพูชาเกือบ 2mtpa ในปี 67 นอกจากนี้ บริษัทยังมีธุรกิจคอนกรีต, ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและโลจิสติกส์อยู่ในประเทศนี้ ขณะที่รายได้จากกิจการในกัมพูชามีสัดส่วน 2.4% ของรายได้รวมในปี 67

ดังนั้นหากตั้งสมมติฐานราคาปูนซีเมนต์เทาอยู่ที่ 65 เหรียญสหรัฐ/ตันและ EBITDA margin ที่ 15-17% กำไรสุทธิในปี 68  จะมาจากธุรกิจปูนซีเมนต์ในกัมพูชาประมาณ 515-580 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6.5-7.4% ของประมาณการกำไรสุทธิในปี 68

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า รัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำเคยมีแผนจะเจรจากับรัฐบาลกัมพูชาอีกครั้งเกี่ยวกับเขตแดนทางทะเลในพื้นที่ทับซ้อน (OCA, ใกล้กับอ่าวไทยและแอ่งเขมร) ในปี 67 อย่างไรก็ตามเชื่อว่าโอกาสที่ทั้งสองประเทศจะทำข้อตกลงการพัฒนาร่วมด้านปิโตรเลียมในพื้นที่ทับซ้อนดูจะลดน้อยลงหลังสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาตึงเครียดมากขึ้น

โดยข้อมูลของสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยแสดงให้เห็นว่า การส่งออกเคมีภัณฑ์ไปยังกัมพูชา ซึ่งส่วนใหญ่เป็น polyethylene, polypropylene, polyethylene terephthalate, polyvinyl chloride มีสัดส่วนเพียง 1.1% ของปริมาณการส่งออกในปี 67 ขณะที่ SCC เผยว่าบริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น แต่ฝ่ายวิเคราะห์ฯเชื่อว่าควรต้องติดตามความคืบหน้าด้านการทูต

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ยังแนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุน (Underweight) ในกลุ่มน้ำมันและก๊าซของไทยจากความไม่แน่นอนด้านอุปสงค์ เพราะมาตรการภาษีและนโยบายต่างประเทศของสหรัฐ แต่เล็งเห็น upside risk หากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง

Back to top button