“ทรีนีตี้” แนะทยอยสะสม “ทองคำ” กรอบ 3,100–3,300 เหรียญ

“บล.ทรีนีตี้” ชี้ทองคำยังอยู่ในขาขึ้นระยะยาว แม้ระยะสั้นพักฐานจากระดับ 3,500 เหรียญ แนะซื้อสะสมเมื่อราคาย่อตัวในกรอบ 3,100–3,300 เหรียญ พร้อมชี้เป้าสิ้นปีถึง 3,700 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หากดอลลาร์อ่อนต่อเนื่อง


นายกมลชัย พลอินทวงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ท่ามกลางภาวะตลาดการเงินทั่วโลกที่ยังมีความผันผวนจากปัจจัยเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ ราคาทองคำยังคงเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีศักยภาพการเติบโตในระยะยาว โดยแม้ว่าราคาทองคำโลกจะดีดตัวขึ้นแรงในช่วงครึ่งปีแรก และแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 3,500 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์เร็วกว่าคาด แต่ยังคงมี upside เพิ่มเติม โดยเฉพาะในกรณีที่เงินดอลลาร์อ่อนค่า และอัตราดอกเบี้ยโลกเริ่มลดลง

ราคาทองคำได้ปรับฐานลงมาในระยะสั้น โดยเคลื่อนไหวในกรอบ 3,100–3,300 เหรียญ ซึ่งถือเป็นจังหวะที่ดีสำหรับการทยอยเข้าสะสมการลงทุน นายกมลชัยประเมินว่า ระดับ 3,100 เหรียญถือเป็นแนวรับสำคัญที่ไม่ควรหลุด เพราะหากปรับตัวลงต่ำกว่านี้ จะเปิด downside ไปสู่แนวรับถัดไปที่ 3,000 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ที่นักวิเคราะห์เทคนิคทั่วโลกจับตาในฐานะแนวรับระยะยาวของทองคำ

ขณะที่ในส่วนของการลงทุน นายกมลชัยแนะนำว่าสำหรับผู้ที่สนใจถือทองคำเพื่อเป็นพอร์ตลงทุนในระยะกลางถึงยาว ควรพิจารณาทยอยสะสมในช่วงราคา 3,100–3,300 เหรียญ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อทองคำแท่งโดยตรง หรือผ่านกองทุนทองคำ ซึ่งมีทั้งแบบป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (hedged) และแบบไม่ป้องกัน (unhedged) โดยขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นต่อทิศทางค่าเงินบาทของผู้ลงทุน

สำหรับผู้ลงทุนในไทย นายกมลชัยอธิบายว่า ราคาทองคำในประเทศยังได้รับอิทธิพลจากทิศทางค่าเงินบาทอย่างมาก โดยในช่วงที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าลงมาสู่ระดับ 32 บาท/ดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาทองคำไทย underperform เมื่อเทียบกับทองคำโลก ซึ่งปรับขึ้นกว่า 60% ตั้งแต่ต้นปี ขณะที่ราคาทองไทยปรับขึ้นเพียง 50% เนื่องจากแรงกดดันจากอัตราแลกเปลี่ยน

อย่างไรก็ตาม หากราคาทองคำโลกสามารถขึ้นไปแตะระดับ 3,700 เหรียญได้จริง และเงินบาทยังเคลื่อนไหวในระดับ 32 บาท/ดอลลาร์ ราคาทองคำในประเทศจะมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นแตะระดับ 56,700 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายเชิงเทคนิคที่น่าจับตา

ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำให้นักลงทุนจับตาแนวต้านทางเทคนิคที่ระดับ 3,366 เหรียญ หากราคาสามารถทะลุผ่านแนวต้านดังกล่าว จะเปิดโอกาสให้เกิด momentum เชิงบวกต่อเนื่อง และหนุนให้ราคาขยับขึ้นไปทดสอบระดับ 3,500–3,700 เหรียญ โดยเฉพาะหากเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าต่อเนื่องตามทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว

ดังนั้น ยังแนะนำให้จัดสัดส่วนการลงทุน (Asset Allocation) โดยแทรกทองคำในพอร์ตการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ เพราะทองคำยังคงทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดการเงินโลก ทั้งในช่วงที่เงินเฟ้อสูงหรือเมื่อเศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงถดถอย

Back to top button