CGSI แนะซื้อ KTC เป้า 31 บาท ชูปันผลเด่นสุด “กลุ่มนอนแบงก์”

CGSI คงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น KTC ราคาเป้าหมาย 31 บาท ชี้มีมูลค่าน่าสนใจ รวมถึงมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงสุดในกลุ่มนอนแบงก์


ฝ่ายวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI เปิดเผยบทวิเคราะห์ว่า บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 มีกำไรสุทธิ 1.9 พันล้านบาท เติบโต 3.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 1.8% จากไตรมาสก่อน (QoQ) สอดคล้องกับประมาณการของ Bloomberg consensus ส่งผลให้ครึ่งปีแรก KTC มีกำไรสุทธิรวม 3.69 พันล้านบาท เติบโต 2.1% จากปีก่อน คิดเป็น 49% ของประมาณการกำไรทั้งปีของฝ่ายวิเคราะห์

อย่างไรก็ดี กำไรก่อนตั้งสำรอง (PPOP) เติบโตชะลอลงเหลือ 2.3% จากปีก่อนหน้า และลดลง 0.7% จากไตรมาสก่อน โดยมีปัจจัยจากสินเชื่อรวมที่ขยายตัวเพียง 1.2% จากปีก่อนหน้า และทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ลดลง 3.7% จากสิ้นปี 2567 โดยเฉพาะสินเชื่อบัตรเครดิตที่เติบโตเพียง 1.0% จากปีก่อนหน้า และหดตัว 0.5% จากไตรมาสก่อน ด้านสินเชื่อส่วนบุคคลยังขยายตัว 4.0% จากปีก่อนหน้า และ 1.5% จากไตรมาสก่อน ขณะที่ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรในครึ่งปีแรกโตเพียง 4.4% จากปีก่อนหน้า ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 10%

อย่างไรก็ตาม จุดแข็งสำคัญในไตรมาส 2/68 คือการบริหารคุณภาพสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ลดลงเหลือ 1.83% จาก 2.0% ในไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่อัตราการตั้งสำรองต่อ NPL เพิ่มขึ้นเป็น 420% จาก 385% และอัตราการตั้งสำรองหนี้สูญลดลงจาก 582bp เหลือ 570bp

ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ขยายตัว 30bp จากไตรมาสก่อน แตะระดับ 13.3% ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเติบโต 1.0% จากปีก่อนหน้า และ 1.1% จากไตรมาสก่อน ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโต 3.1% จากปีก่อนหน้า แต่ลดลง 2.8% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมอ่อนตัวตามฤดูกาล และหนี้สูญได้รับคืน (Bad debt recovery) ลดลงตามวันหยุดยาว

ด้านค่าใช้จ่ายรวมในไตรมาส 2/68 ทรงตัวที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ 37.4% ใกล้เคียงกับปีก่อน และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั้งปีที่ 38% แม้ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น 1.2% จากปีก่อนหน้า แต่ลดลง 0.6% จากไตรมาสก่อน

CGSI มองว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจและการบริโภคยังชะลอตัว แต่ KTC ยังคงความแข็งแกร่งด้านคุณภาพสินทรัพย์ และสามารถรักษาระดับกำไรให้เติบโตได้ดี จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 31 บาท คิดเป็น P/BV 1.81 เท่าในปี 2568 โดยประเมินว่า KTC มีมูลค่าน่าสนใจที่ P/E 9.4 เท่า และ P/BV 1.6 เท่า (-1SD จากค่าเฉลี่ยในอดีต) รวมถึงมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงสุดในกลุ่ม Non-bank อยู่ที่ 5.3-5.7% ต่อปีในปี 2568-2570

อย่างไรก็ดี ปัจจัยเสี่ยงในระยะถัดไป ได้แก่ การเติบโตของสินเชื่อที่อาจต่ำกว่าคาด และความจำเป็นในการตั้งสำรองหนี้สูญที่เพิ่มขึ้น หากคุณภาพสินเชื่อมีแนวโน้มถดถอย

Back to top button