
หุ้นยุโรปปิดบวก รับดีลการค้าสหรัฐ-อียู คืบหน้า หวังลดภาษีเหลือ 15%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกขานรับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป นักลงทุนคาดหวังจะบรรลุข้อตกลงลดภาษีจากเดิมที่ 30% เหลือเพียง 15% เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ที่จะได้รับแรงหนุนจากข่าวดีนี้
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (23 ก.ค.68) โดยดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้น 1.08% เพิ่มขึ้น 5.88 จุด ปิดที่ระดับ 550.22 จุด ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ นำโดยหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ หลังจากมีข่าวดีเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) ที่อาจลดผลกระทบจากภาษีศุลกากรที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ขณะที่ดัชนีอื่น ๆ เป็นในทิศทางบวกเช่นกัน ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,850.43 จุด เพิ่มขึ้น 106.02 จุด หรือ +1.37% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,240.82 จุด เพิ่มขึ้น 198.92 จุด หรือ +0.83% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,061.49 จุด เพิ่มขึ้น 37.68 จุด หรือ +0.42%
การปรับตัวขึ้นของตลาดได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และ EU จะบรรลุข้อตกลงในการลดภาษีจากเดิมที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยขู่จะเรียกเก็บภาษีจากสินค้า EU สูงถึง 30% โดยข้อตกลงใหม่จะตั้งภาษีที่ 15% ซึ่งถือเป็นการลดลงครึ่งหนึ่ง
แม้การเจรจาจะดำเนินการล่าช้า แต่นักลงทุนคาดหวังว่าข้อตกลงจะเกิดขึ้นก่อนเส้นตาย 1 สิงหาคม 2568 โดยคณะกรรมาธิการยุโรปจะดำเนินการเก็บภาษีตอบโต้หากการเจรจาล้มเหลว
สำหรับหุ้นโดดเด่น ได้แก่ กลุ่มยานยนต์ยุโรปปรับตัวขึ้น 3.7% ทำสถิติปรับขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 1 เดือน โดยหุ้น Stellantis, Mercedes-Benz, Volkswagen และ Porsche พุ่งขึ้น 6.1% ถึง 7.3%
ในขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี กลับถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้น SAP ซึ่งลดลง 4.1% หลังจากนักลงทุนผิดหวังที่บริษัทไม่ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการทั้งปี แม้ว่าผลประกอบการไตรมาสล่าสุดจะออกมาดีกว่าคาด และหุ้น ASM International ก็ร่วงแรงถึง 10.4% หลังยอดจองอุปกรณ์ชิปคอมพิวเตอร์ในไตรมาส 2 ต่ำกว่าคาด
ด้านหุ้น UniCredit ปรับตัวขึ้น 3.6% หลังจากผลกำไรไตรมาสล่าสุดดีกว่าคาด และปรับเพิ่มแนวโน้มกำไรทั้งปี ขณะที่หุ้น Nokia ร่วงลง 7.6% หลังปรับลดเป้าหมายกำไรจากการดำเนินงานในปี 2568