
INETREIT ยื่นไฟลิ่งขายทรัสต์เพิ่มทุน 290 ล้านหน่วย ลงทุน INET-IDC3 เฟส 2
INETREIT ยื่นไฟลิ่งเตรียมเสนอขาย หน่วยทรัสต์เพิ่มทุน ครั้งที่ 2 มูลค่า 290 ล้านหน่วย มุ่งลงทุน INET-IDC3 เฟส 2 ส่วนขยาย เสริมแกร่งเศรษฐกิจดิจิทัลไทยรับดีมานด์ Data Center
ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไอเน็ต หรือ INETREIT เดินหน้าเพิ่มทุนครั้งที่ 2 เสริมศักยภาพเติบโต ยื่นแบบไฟลิ่งต่อ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เตรียมเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมจำนวนไม่เกิน 290 ล้านหน่วย เข้าลงทุนเพิ่มเติมใน INET-IDC3 เฟส 2 ส่วนขยาย มูลค่ารวมไม่เกิน 2,900 ล้านบาท เพิ่มศักยภาพของกองทรัสต์ในฐานะผู้นำการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีความมั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อรองรับความต้องการใช้ Data Center และ Cloud ที่เติบโตต่อเนื่องทุกภาคส่วน เสริมความแข็งแกร่งแก่เศรษฐกิจดิจิทัลของไทย
นายสุตกานต์ แน่นหนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเน็ต รีท แมเนจเม้นท์ จํากัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ เปิดเผยว่า การเพิ่มทุนครั้งที่ 2 ของ INETREIT เพื่อเข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์ของอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลใน “โครงการ INET-IDC3 เฟส 2 ส่วนขยาย” จากบริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ INET ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีแบบครบวงจรชั้นนำในประเทศไทย ซึ่งเป็นทรัพย์สินคุณภาพสูงที่ได้รับการยอมรับในมาตรฐานระดับสากล
ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์อย่างจังหวัดสระบุรีที่มีความเสี่ยงต่ำจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ และเป็นการลงทุนต่อเนื่องจากโครงการเฟส 2 เมื่อปีที่ผ่านมา การลงทุนครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขยายขนาดของกองทรัสต์ แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสเพิ่มผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้นและมั่นคงให้แก่ผู้ถือหน่วยในระยะยาว เนื่องจากทรัพย์สินที่เข้าลงทุนเพิ่มเติมเป็นทรัพย์สินประเภทกรรมสิทธิ์ (Freehold) ซึ่งจะสร้างกระแสรายได้ค่าเช่าที่แน่นอนและเติบโตอย่างสม่ำเสมอในระยะยาว โดยปราศจากความเสี่ยงด้านการต่ออายุสัญญาเช่าที่ดิน นับเป็นการลงทุนที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
ขณะที่การลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมของ INETREIT จะสร้างความมั่นคงและผลตอบแทนให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในหลายด้าน จากการเพิ่มรายได้ค่าเช่าและผลประกอบการของกองทรัสต์อย่างมีนัยสำคัญ หากอ้างอิงสมมติฐานในการจัดทำประมาณการงบกำไรขาดทุนและการจ่ายประโยชน์ตอบแทนตามสถานการณ์สมมติสำหรับงวด 12 เดือน ช่วงเวลาประมาณการตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ถึง 31 ตุลาคม 2569 ประมาณการเงินจ่ายประโยชน์ตอบแทนต่อหน่วยในปีแรกตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 – 31 ตุลาคม 2569 หลังจากกองทรัสต์เข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 2 จะเพิ่มขึ้นเป็น 0.6493 บาทต่อหน่วย จากเดิม 0.6387 บาทต่อหน่วย
“การเพิ่มทุนครั้งที่ 2 ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ INETREIT ที่จะสร้างการเติบโตผ่านการลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพ อยู่ในเมกะเทรนด์ด้านเทคโนโลยี เพื่อตอบสนองความต้องการใช้บริการ Data Center และ Cloud ของผู้ประกอบการในภาคธุรกิจต่าง ๆ รวมทั้งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย” นายสุตกานต์ กล่าว
นางมรกต กุลธรรมโยธิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ INET ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีแบบครบวงจร กล่าวว่า อุตสาหกรรม Data Center และบริการ Cloud ในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากหลายด้าน ทั้งนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างจริงจัง เช่น Thailand 4.0 และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมดิจิทัล ขณะที่ภาคธุรกิจต่างเร่งปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล (Digital Transformation) ทำให้เกิดข้อมูลดิจิทัลจำนวนมหาศาล
นอกจากนี้ การเติบโตของเทคโนโลยี 5G, Internet of Things (IoT) และโดยเฉพาะเทคโนโลยี AI ซึ่งต้องการทรัพยากรในการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลมหาศาล ได้กลายเป็นตัวเร่งสำคัญที่ผลักดันความต้องการใช้บริการ Data Center เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยอ้างอิงมาจากการวิจัยทางการตลาดแบบอิสระ จัดทำโดย บริษัท เมอร์ลินส์ โซลูชั่นส์ อินเตอร์แนชั่นนัล จำกัด คาดการณ์ว่าภาพรวมตลาด Public Cloud ในประเทศไทยจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมของ Public Cloud ต่อปี (CAGR) ที่ 18% ในช่วงปี 2567-2571 ซึ่งสะท้อนถึงอุปสงค์ที่แข็งแกร่งและแนวโน้มการเติบโตที่ชัดเจน
INET ในฐานะผู้เช่าหลักและผู้สนับสนุน (Sponsor) ของกองทรัสต์ มีความพร้อมในการสร้างรายได้ค่าเช่าของกองทรัสต์อย่างมั่นคงในระยะยาว จากการเป็นผู้ให้บริการ Cloud (IaaS) ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ของผู้ให้บริการสัญชาติไทย และมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและหลากหลายในกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น กลุ่มการเงินการธนาคาร, กลุ่มการแพทย์, หน่วยงานภาครัฐ และธุรกิจเทคโนโลยี
อีกทั้ง กองทรัสต์ยังมีสิทธิในการพิจารณาและปฏิเสธก่อน (Right of First Refusal) ที่จะเข้าลงทุนในโครงการ Data Center อื่น ๆ ของ INET ในอนาคต เช่น โครงการ INET-IDC3 เฟส 3 และเฟส 4 ซึ่งสิทธิดังกล่าวเปรียบเสมือนการการันตีเส้นทางการเติบโตที่ชัดเจนในอนาคต ทำให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์มั่นใจได้ว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งของการขยายธุรกิจของ INET อย่างยั่งยืนต่อไป
นางสาววรายุ อิ่มอโนทัย ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า การเพิ่มทุนครั้งนี้จะเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมจำนวนไม่เกิน 290 ล้านหน่วย มูลค่าไม่เกิน 2,900 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคาประเมินจากผู้ประเมินอิสระทั้ง 2 ราย ซึ่งอยู่ในช่วง 3,028 – 3,029 ล้านบาท โดยจะนำเงินที่ได้ไปลงทุนในกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินประเภทศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลโครงการ INET-IDC3 เฟส 2 ส่วนขยาย ได้แก่ ตู้ Rack จำนวน 246 Rack
พร้อมด้วยอุปกรณ์เชื่อมต่อที่เกี่ยวข้อง อุปกรณ์เทคโนโลยีขั้นสูง (Core Network) หน่วยประมวลผลและหน่วยจัดเก็บข้อมูล พร้อมซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งอุปกรณ์ที่ล้ำสมัยเหล่านี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผลและความน่าเชื่อถือของศูนย์ข้อมูลได้อย่างมหาศาล เพื่อรองรับบริการ Cloud เป็นหลัก และ Co-location ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสำหรับลูกค้าองค์กร โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องใช้การประมวลผลสำหรับ AI และ Big Data