CGSI แนะซื้อ PTTEP เป้า 128 บาท ชี้ลงทุนแปลง A-18 หนุน NPV เพิ่ม

CGSI มองการเข้าซื้อแปลง A-18 ช่วยเสริม Synergy เพิ่มกระแสเงินสด–NPV ให้ PTTEP แม้งบ Q2 กำไรลดลง 18.4% จากไตรมาสก่อน แต่จ่ายปันผลครึ่งปีแรก 4.1 บ./หุ้น พร้อมแนะ “ซื้อ” เป้าหมาย 128 บาท


ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI เปิดเผยบทวิเคราะห์เกี่ยวกับบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/2568 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 13,515 ล้านบาท ลดลง 18.4% จากไตรมาสก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยลดลง อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ 8.5% และใกล้เคียงกับ Bloomberg consensus

ทั้งนี้ เมื่อไม่รวมรายการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน เช่น ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 3 ล้านดอลลาร์ กำไรจากสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน 15 ล้านดอลลาร์ และการตัดจำหน่ายสินทรัพย์โครงการเม็กซิโก 39 ล้านดอลลาร์ บริษัทจะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติ 14,009 ล้านบาท ลดลง 15.8% จากไตรมาสก่อนหน้า

อย่างไรก็ดี PTTEP ยังประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับครึ่งปีแรก 2568 ที่ 4.10 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผล 54% โดยฝ่ายวิเคราะห์เชื่อว่าด้วยสถานะงบดุลที่แข็งแกร่ง PTTEP สามารถคงระดับปันผลไว้สูงกว่า 50% ได้อย่างต่อเนื่อง แม้ราคาน้ำมันจะลดต่ำกว่า 55-60 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยคาดว่าบริษัทจะสามารถจ่ายเงินปันผลอย่างน้อย 8 บาทต่อหุ้นต่อปีในช่วงปี 2568-2570 โดยไม่กระทบอัตราหนี้สินสุทธิต่อทุนอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ PTTEP ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น (SPA) กับ Hess Oil Company Thailand เพื่อเข้าซื้อหุ้น 50% ในแปลง A-18 ซึ่งเป็นแหล่งปิโตรเลียมในประเทศมาเลเซียที่อยู่ติดกับแปลง B-17-01 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (MTJDA) ที่บริษัทถือหุ้นอยู่แล้ว 50%

โดยการลงทุนครั้งนี้คาดว่าจะสร้าง Synergy ด้านการดำเนินงาน ลดต้นทุนและงบลงทุนสำรวจ-ผลิต โดยมีมูลค่าการลงทุน 413 ล้านดอลลาร์ หรือราว 15,000 ล้านบาท คิดเป็นต้นทุนต่อหน่วย (EV/BOE) เพียง 4.9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยธุรกรรมลักษณะเดียวกันในภูมิภาค ASEAN ในช่วง 10 ปีที่อยู่ที่ระดับ 8.4-8.5 เท่า โดยคาดว่าปริมาณสำรองที่พิสูจน์แล้วของแปลง A-18 อยู่ที่ 83 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ (mmboe)

สัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) ของแปลง A-18 จะสิ้นสุดในปี 2572 ซึ่งยังสามารถผลิตก๊าซได้อีกอย่างน้อย 4 ปี โดยมีปริมาณผลิตเฉลี่ยที่ 500-600 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ในปี 2568 และค่อยๆ ลดลงสู่ระดับ 400 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ในปี 2572 หากสามารถต่ออายุ PSC ออกไปได้อีก 35 ปี ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินว่าโครงการนี้จะสามารถดำเนินการผลิตต่อไปได้อีก 13.7 ปี และจะสร้างกระแสเงินสดประมาณ 96.5 ล้านดอลลาร์/ปี คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ที่เพิ่มขึ้น 2.4 บาทต่อหุ้นของ PTTEP

ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” PTTEP ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ที่ 128 บาท/หุ้น สะท้อนการปรับเพิ่มประมาณการ EBITDA และมูลค่าโครงการแปลง A-18 ขณะเดียวกันยังชี้ว่า ราคาหุ้นอาจได้รับแรงหนุนเพิ่มเติม หากราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น โดยคาดว่าทุก 1 ดอลลาร์/บาร์เรล ที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น จะทำให้กำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 2568 เพิ่มขึ้น 1.3% ส่วนความเสี่ยงทางลบ (Downside risk) มาจากการบันทึกขาดทุนด้อยค่าของโครงการ Mozambique LNG หากยังไม่สามารถเข้าพื้นที่ก่อสร้างในช่วงครึ่งปีหลัง 2568

Back to top button