“ชัยยศ” มอง SET ปีนี้ทดสอบ 1,350 จุด แนะสอยหุ้น “แลกการ์ด” ชู PTT-CPALL เด่น

บล.กรุงศรี มองตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนจากฟันด์โฟลว์ต่างชาติไหลเข้า ภาษีศุลกากรสหรัฐฯ มีความชัดเจน และแนวโน้มดอกเบี้ยลดลง คาดดัชนี SET ทดสอบแนวต้าน 1,350 จุดในปีนี้ พร้อมแนะนำลงทุนหุ้นแลกการ์ด เช่นกลุ่มโรงพยาบาล พร้อมชูหุ้นเด่น PTT และ CPALL


นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (30 ก.ค.68) ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับขึ้นกว่า 100 จุดในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา ได้แรงหนุนจากฟันด์โฟลว์ต่างชาติที่ไหลเข้าสุทธิกว่า 10,000 ล้านบาทต่อเนื่อง หลังความชัดเจนของภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐฯ เริ่มคลี่คลาย โดยมีแนวโน้มอยู่ในช่วง 15-20% ถือเป็นระดับที่สามารถแข่งขันได้เมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกัน เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์

ทั้งนี้ ในช่วงต้นปีนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่อง แต่ครึ่งเดือนหลังได้เปลี่ยนทิศทางเข้าซื้อสุทธิเฉลี่ยวันละ 800-1,200 ล้านบาท ทำให้ดัชนี SET สามารถฟื้นตัวแรงกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยสาเหตุหลักมาจากนักลงทุนคลายกังวลเรื่องภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่เคยประกาศอัตราพื้นฐาน 10% แต่ล่าสุดชัดเจนว่าอัตรารวมจะอยู่ระหว่าง 15-20% ซึ่งเป็นระดับ “เน็ต” (Net) ที่ไม่ซ้ำซ้อนกับอัตราเดิมและเป็นปัจจัยบวกต่อขีดความสามารถการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย

อีกปัจจัยบวกที่สำคัญคือแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของไทย เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศยังอ่อนแรงเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ได้ย้ำถึงแนวทางผ่อนคลายนโยบายการเงิน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือนที่มีสัดส่วนกว่า 55% ของ GDP และส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังปีนี้

นอกจากนี้ ข่าวการเจรจาหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชาได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เนื่องจากขจัดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เคยกดดันตลาดหุ้นไทยก่อนหน้านี้ ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคหลายประเทศยังเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศ

สำหรับแนวโน้มดัชนี SET ปี 2568 นายชัยยศประเมินว่า มีโอกาสแตะระดับเป้าหมาย 1,300–1,350 จุด โดยมองว่าตลาดได้สะท้อนปัจจัยบวกจากภาษีศุลกากรสหรัฐฯ ไปแล้วบางส่วน แต่ยังคงมี Upside จากปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะการลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะช่วยหนุนกระแสเงินทุนไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง

ส่วนกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ให้นักลงทุนเน้นหุ้นที่ยังไม่ปรับขึ้นแรงตามดัชนี โดยเฉพาะหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งและอยู่ในกลุ่ม Laggard ได้แก่ หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล หุ้น CPALL และ PTT ซึ่งเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่ยังมี Upside เหลือ รวมทั้งแนะนำติดตามผลการประชุม

Back to top button