
GUNKUL เซ็น “กฟผ.” ขายวินด์ฟาร์ม 180 MW หนุนพอร์ตพลังงานสีเขียวแตะ 1,260 เมกะวัตต์
GUNKUL ลงนามขายไฟฟ้าพลังงานลม กฟผ. เพิ่ม 2 โครงการ ขนาดรวม 180 เมกะวัตต์ หนุนกำลังผลิตไฟฟ้าสีเขียวรวมแตะ 1,260 เมกะวัตต์ เดินหน้าสร้างรายได้มั่นคงระยะยาว
บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL แจ้งผ่าน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ตามที่กลุ่มบริษัท GUNKUL ได้ยื่นข้อเสนอตามประกาศรับซื้อไฟฟ้าตามระเบียบว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565-2573 สำหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงของ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และบริษัทฯ ได้รับคัดเลือกตามประกาศ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เรื่อง รายชื่อผู้อื่นขอผลิตไฟฟ้าที่ได้รับการคัดเลือกตามระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565 2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 ลงวันที่ 5 เมษายน 2566 (ประกาศ) นั้น
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 บริษัท กันกุล พาวเวอร์ 3 จํากัด และ บริษัท กันกุล พาวเวอร์ 5 จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ที่บริษัทฯ ถือหุ้นทางตรงในสัดส่วนร้อยละ 100 ได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม (Wind Farm) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ. หรือ EGAT) เพิ่มเติมจำนวน 2 โครงการ ขนาดกําลังการผลิตไฟฟ้า โครงการละ 90 เมกะวัตต์ รวมทั้งสิ้น 180 เมกะวัตต์ มีอัตรารับซื้อไฟฟ้า FiT อยู่ที่ 3.1014 บาทต่อหน่วยเป็นระยะเวลา 25 ปี
ทั้งนี้ เมื่อรวมโครงการข้างต้นกับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (Solar farms with battery energy storage systems) ที่กลุ่มบริษัทฯ ได้เข้าลงนามสัญญาไปก่อนหน้านี้ กลุ่มบริษัทฯได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (สัญญา PPA) รวมทั้งสิ้น 17 โครงการ ขนาดกําลังการผลิตไฟฟ้ารวม 832.4 เมกะวัตต์
ประกอบด้วยขนาดกําลังการผลิตไฟฟ้าสำหรับโครงการพลังงานลม 180.0 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 568.8 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบน พื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน 83.6 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป ส่งผลให้ใน ปัจจุบันบริษัทฯ มีโรงไฟฟ้าพลังงานสีเขียวในพอร์ตโฟลิโอรวมเป็น 1,260 เมกะวัตต
บริษัทฯ จึงเรียนมาเพื่อขอแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทราบถึงการลงนามในสัญญา PPA ดังกล่าว ข้างต้น ทั้งนี้บริษัทฯ จะทยอยลงนามในสัญญา PPA เพิ่มเติมตามรายชื่อโครงการที่ได้รับคัดเลือกตามประกาศของ กกพ. โดย หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม บริษัทฯ จะแจ้งรายละเอียดให้ทราบต่อไป
นางสาวนฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GUNKUL กล่าวว่า ตามที่บริษัทย่อยที่ทางบริษัทฯ ถือหุ้น 100% ได้ผ่านการคัดเลือกใน เฟสแรกนั้น ได้ดำเนินการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) โครงการวินด์ฟาร์ม จำนวนกำลังการผลิต 180 เมกะวัตต์ กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยโครงการ พลังงานสีเขียวเฟส 1 ของบริษัทฯ จะทยอยเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ตั้งแต่ปี 2569 และคาดว่า
เร็วๆ นี้ จะเข้าเซ็นสัญญา PPA โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนส่วนขยาย ประกอบด้วย
โครงการโรงไฟฟ้า พลังงานลม 284 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 35 เมกะวัตต์ รวมทั้งสิ้น จำนวน 319 เมกะวัตต์ในปีนี้ โดยวางงบลงทุนที่ประมาณ 35,000 ล้านบาทในกรอบ 5 ปี สำหรับแผนงาน ขยายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดเพิ่มขึ้นต่อจากนี้ บริษัทฯ กำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจาโครงการใน ฟิลิปปินส์ เพื่อเพิ่มเติมโครงการโรงไฟฟ้าต่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย
ขณะเดียวกันก็เตรียมเข้าประมูล โรงไฟฟ้าสีเขียวในประเทศด้วยเช่นกัน มั่นใจในศักยภาพบุคลากรและการบริหารจัดการต้นทุน ว่าจะ สามารถบรรลุเป้าหมาย ที่ต้องการขยายพอร์ตโฟลิโอโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดทั้งในไทย และต่างประเทศ ทั้งหมดเป็น 2,000 เมกะวัตต์ภายใน 3 ปี ตามที่ตั้งเป้าไว้
ทั้งนี้ล่าสุด ผลการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ระบุว่า อุตสาหกรรม ใน EEC ได้รับกระทบหนักจากไฟฟ้าสะอาดไม่พอ และเสี่ยงสูญเสียโอกาสดึงการลงทุนจากต่างประเทศ นอกจากนี้ยังเสนอให้ภาครัฐพิจารณาขยายการซื้อขายไฟฟ้าโดยตรง ระหว่างผู้ผลิตกับผู้ใช้รายใหญ่ (Direct PPA) ให้กับภาคอุตสาหกรรมอื่น ไม่จำกัดเฉพาะ Data Center บริษัทฯ พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการ ผลักดันและเดินหน้าร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ด้าน Direct PPA
โดย บริษัทฯ เน้นย้ำในวิสัยทัศน์ มุ่งสู่การเป็น พาร์ตเนอร์ด้านพลังงานสีเขียวและโครงสร้างพื้นฐานครบวงจร รวมถึงสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ ให้กับพาร์ตเนอร์ในภาคอุตสาหกรรม มุ่งไปสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซ เรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
สำหรับธุรกิจรับเหมาไฟฟ้า (EPC) และธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า (Manufacturing) ยังคงมีการเติบโตที่ดีเป็นไปตามแผนการดำเนินงานด้วยเช่นเดียวกัน โดย ธุรกิจรับเหมาไฟฟ้า (EPC) อยู่ใน ระหว่างการดำเนินเตรียมประมูลโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ (EPC) หลายโครงการ รวมมูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท จ่อประกาศข่าวดีเพิ่มเติมเร็วๆ นี้ และธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า (Manufacturing) ที่คาดว่าจะสามารถสร้างกำไรเติบโตได้อย่างดี โดยเฉพาะในกลุ่มอุปกรณ์โซลูชั่นอินเวอร์เตอร์ และแบตเตอรี่ ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด รับกระแสการเติบโตของโซลาร์รูฟท็อป ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายรายได้เติบโต 10-15% รายได้รวมใน 3 ปี เติบโตกว่า 35,000 ล้านบาท