TRUE ปักธงจ่ายปันผลงวด 9 เดือนแรก! ลุยปรับทัพบริหาร รับเทรนด์ AI

ทรู คอร์ปอเรชั่น เตรียมจ่ายปันผลงวด 9 เดือนแรก หลังควบรวม “ดีแทค” หนุนเชื่อมั่นนักลงทุน หลังมีกำไร 2 ไตรมาส กระแสเงินสดเป็นบวก หนี้ต่อ EBITDA ดีขึ้น พร้อมปรับโครงสร้างองค์กรแต่งตั้ง Chief Data & AI Officer ทรานส์ฟอร์มธุรกิจ ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า ผ่านกลยุทธ์ AI-First Company


นายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE เปิดเผยถึงการปรับโครงสร้างองค์กรและการจัดทัพผู้นำใหม่ครั้งนี้ จะทำให้ TRUE ไม่เพียงแต่จะมีศักยภาพพร้อมในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าในวันนี้ แต่ยังพร้อมสำหรับอนาคตที่เราคาดการณ์ว่าความคาดหวังของลูกค้า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตลาดอุตสาหกรรม และการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและผันผวนอย่างรุนแรง โดย ทรู คอร์ปอเรชั่น ยึด 5 หลักการในการออกแบบโครงสร้างองค์กรใหม่และจัดคณะผู้บริหารระดับสูงให้มีศักยภาพระดับสูง ดังนี้

1.) ผู้นำด้านประสบการณ์ลูกค้า (Customer Champion) มีศักยภาพในการเข้าถึง เข้าใจ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าและการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว

2.) บริการดิจิทัลเพื่อความสุขในบ้าน (Win the Home) มุ่งตอบสนองกลุ่มผู้อยู่อาศัยซึ่งประเทศไทยมี 23 ล้านครัวเรือน (ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ) ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อดิจิทัลไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร ในที่เดียว ทั้งนวัตกรรมสมาร์ทโฮม โซลูชัน ความบันเทิง และบริการ บรอดแบนด์ สำหรับผู้อาศัยทั้งบุคคลคนเดียวหรือครอบครัวขยายที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน ซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตสูง

3.) เร่งการเปลี่ยนผ่านธุรกิจลูกค้าองค์กรสู่ดิจิทัล (Accelerating B2B Digital Transformation) ภายใต้แนวคิดใหม่ ทรูบิสิเนสจะมุ่งสู่ผู้นำในตลาดลูกค้าองค์กรและ SME โดยการนำเสนอโซลูชันที่โดดเด่นพร้อมประสิทธิภาพที่พิสูจน์ได้ในทางธุรกิจและการเงิน

4.) ขับเคลื่อนอนาคตด้วย AI (Empowering the Future with AI) ทรู คอร์ปอเรชั่นวางยุทธศาสตร์ขึ้นเป็น AI-First Company  บริษัทที่นำปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นอันดับแรกในการดำเนินงานและนำมาใช้ในทุกด้าน ตั้งแต่การทำงาน การวางแผน การจัดการความรู้ ซึ่งจะช่วยให้สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างคล่องตัว สามารถปรับตัวทันทีตามสถานการณ์ และสร้างจุดแข็งทางการแข่งขันที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้นในระยะยาว และ Cloud First คือการเน้นใช้โครงสร้างด้านเทคโนโลยีสารสนเทศแบบ คลาวด์ เพื่อการบริหารจัดการและการดำเนินงานของธุรกิจ

5.) มุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Sharpened Focus on Digitalization) ทรูวางกลยุทธ์มุ่งสู่ความเป็น Legacy Free โดยปลดล็อกจากข้อจำกัดของระบบเดิมเพื่อเปิดทางสู่ความคล่องตัวและการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันการสร้าง Digital & Omni-channel Customer Journey จะเป็นหัวใจสำคัญของการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าให้ไร้รอยต่อในทุกช่องทาง ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ แอปพลิเคชัน และคอลเซ็นเตอร์ โดยมีข้อมูลลูกค้าเชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบ

สุดท้าย คือ การขับเคลื่อนองค์กรด้วย Automation ที่ช่วยลดงานซ้ำซ้อน เพิ่มความแม่นยำ และปลดศักยภาพพนักงานให้ไปโฟกัสกับการสร้างคุณค่าสู่ลูกค้าอย่างแท้จริงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเป็นผู้นำด้านประสบการณ์ลูกค้าแบบครบวงจร ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้แต่งตั้งผู้บริหารมาขับเคลื่อนภารกิจสำคัญนี้ โดย นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านประสบการณ์ลูกค้าและธุรกิจรีเทล รับผิดชอบดูแลการบริหารจัดการทุกช่องทางการขาย

การบริการทุกช่องทางเพื่อให้ทรูสามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทั่วประเทศ นายชารัด เมห์โรทรา เป็นหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกลุ่มธุรกิจลูกค้าบุคคล ดูแลผลิตภัณฑ์และการส่งมอบคุณค่าสูงสุดเพื่อตอบสนองลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบ นายคูรัม อัชฟาค รับหน้าที่หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเครือข่าย พัฒนาเครือข่ายอัตโนมัติด้วย AI เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานบนเครือข่ายที่เหนือชั้น (Unmatched Network Experience)

นายฐานพล มานะวุฒิเวช ได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านโฮมคอนเนคทิวิตี้ นำเสนอดิจิทัลไลฟ์สไตล์ครบวงจรตั้งแต่บรอดแบนด์ ความบันเทิง ถึงสมาร์ทโฮม ตอบโจทย์ครัวเรือนนับล้าน ขณะที่ ดร.ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกลุ่มธุรกิจองค์กร เร่งการเปลี่ยนผ่านองค์กรธุรกิจสู่ดิจิทัลเพื่อเป็นพาร์ทเนอร์เทคโนโลยีอันดับหนึ่งที่องค์กรและ SME วางใจ และที่สำคัญนับเป็นครั้งแรกของทรู คอร์ปอเรชั่นที่แต่งตั้งผู้บริหาร คือ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ (Chief Data and AI Officer) เพื่อขับเคลื่อนการเป็น AI First Company อย่างเต็มรูปแบบ

รวมทั้ง การแต่งตั้งหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อรับหน้าที่ความรับผิดชอบในการบริหารจัดการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศโดยเฉพาะ เพื่อออกแบบระบบการจัดการ ให้ทันกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

นายซิกเว่ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในระยะ 6 เดือนข้างหน้าได้วางเป้าหมายชัดเจนเพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในทุกด้าน โดยด้านเครือข่ายเราจะเสร็จสิ้นโครงการ One Network 100% ภายในเดือนกันยายน ซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้รับสัญญาณ 5G/4G ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นและครอบคลุมมากขึ้น

โดยคลื่นความถี่ 2300 MHz ที่ประมูลมาล่าสุดจำนวน 70 MHz ซึ่งมีความจุเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 10 MHz จะทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้น 17% ทันที และคลื่น 2300 MHz สามารถรองรับการใช้งาน 5G ได้ในอนาคต

ทั้งนี้ TRUE จะยกระดับประสบการณ์ใช้งาน 5G บนคลื่น 2600 MHz ด้วยการใช้เทคโนโลยี Dynamic Spectrum Sharing (DSS) ที่จะช่วยให้การใช้งานสัดส่วน 5G และ 4G ยืดหยุ่นตามสัดส่วน และ 5G จะสามารถเปิดให้บริการเต็มศักยภาพแบนด์วิดท์ทั้ง 90 MHz และเริ่มใช้คลื่นใหม่ 1500 MHz เพื่อเพิ่มความจุดาวน์ลิงก์ร่วมกับคลื่นย่านความถี่ต่ำแบนด์อื่นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วเครือข่ายอีกด้วย

ด้านการบริการดิจิทัล เราตั้งเป้าให้ลูกค้าทุกรายสามารถทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันได้ครบทุกรูปแบบ ซึ่งตั้งแต่ต้นปีลูกค้าหันมาใช้ช่องทางดิจิทัลแล้ว 19% และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ด้านประสบการณ์ลูกค้า เราจะมอบการบริการไร้รอยต่อทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้าน คอลเซ็นเตอร์ หรือแอปพลิเคชัน โดยลูกค้าสามารถเริ่มต้นธุรกรรมในช่องทางหนึ่งแล้วไปทำต่อในอีกช่องทางได้อย่างต่อเนื่อง เช่น สอบถามผ่านคอลเซ็นเตอร์แล้วมาดำเนินการต่อที่หน้าร้าน หรือสลับไปใช้แอปได้ทันที เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และตอบโจทย์ทุกความต้องการ

นอกจากนี้ นายนกุล เซห์กัลป์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) TRUE กล่าวเสริมว่าทางบริษัทมีแผนที่จะพิจารณาปันผลระหว่างกาลงวดผลประกอบการรอบ 9 เดือน ในช่วงปลายปี 2568 โดยเป็นการจ่ายปันผลครั้งแรกหลังจากควบรวมธุรกิจ ซึ่งตามนโยบายการปันผลไม่ต่ำกว่า 50% จากที่ล่าสุดผลประกอบการของ TRUE สามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง 2 ไตรมาสติดต่อกัน ส่งผลให้กระแสเงินสดของ TRUE เป็นบวก รวมถึงหนี้สินต่อ EBIDA ปัจจุบันดีขึ้นอยู่ที่ 4 เท่า จากเดิมที่ 5.7 เท่า และวางเป้าหมายให้หนี้สินต่อ EBIDA เหลืออยู่ที่ 3.2 เท่า ภายในปี 2570

นอกจากนี้ ฝ่ายบริหารได้ปรับเป้าหมายอัตราส่วนหนี้สินต่อ EBITDA สำหรับปี 2568 จากไม่เกิน 4.0 เท่า เป็นไม่เกิน 4.1 เท่า แม้ว่าผลการดำเนินงานในปีดังกล่าวจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ระบบโครงข่ายขัดข้องชั่วคราว ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท นอกจากนี้ในส่วนงบลงทุนของ TRUE ปี 2568 อยู่ที่ 30,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 16% ของรายได้ ซึ่งใช้เพื่อพัฒนาและปรับปรุงเครือข่ายให้ทันสมัย พร้อมตั้งเป้าลดสัดส่วนงบลงทุนเหลือ 13–14% ของรายได้ในระยะถัดไป

ด้าน นายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม TRUE กล่าวเสริมถึงประเด็นการปรับเปลี่ยนนโยบายด้านราคาของแพ็กเกจโทรศัพท์มือถือ ภายหลังสำนักงาน กสทช. มีมติกำหนดให้ต้องมีแพ็กเกจในราคาที่ต่ำลงกว่าราคาเดิม ระบุว่า ไม่เกินเดือนละ 240 บาทนั้นเมื่อครั้งที่บริษัทได้รับการอนุมัติการควบรวมกิจการ ก็มีข้อกำหนดและเงื่อนไขจาก กสทช. กำกับอยู่แล้วในเรื่องของราคาแพ็กเกจขั้นต่ำ ซึ่งบริษัทได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบเหล่านั้นอย่างเคร่งครัด

อีกทั้ง กล่าวปิดท้ายถึง ความท้าทายของบริษัท แน่นอนว่าเรากำลังเผชิญกับความท้าทายทั้งในประเทศเองและจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกโดยรวม ซึ่งเป้าหมายที่เราวางไว้นั้น เรายังคงมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึง

แม้การท่องเที่ยวฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด หรือแรงงานข้ามชาติจากประเทศเพื่อนบ้านลดลง ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ท้าทาย รวมถึงหากเศรษฐกิจโลกเติบโตช้าลงจากผลกระทบของมาตรการภาษีนำเข้าก็จะยิ่งเพิ่มแรงกดดัน แต่ผมเชื่อว่าเรากำลังไปในทิศทางที่ถูกต้องและจนถึงตอนนี้ยังไม่มีเรื่องเซอร์ไพรส์อะไรที่ไม่คาดคิด ทุกอย่างเป็นไปตามแผน มีความท้าทายในแต่ละวันที่เราต้องจัดการอยู่แล้ว

“เราต้องเป็น Customer Champion เพราะลูกค้าในปัจจุบันไม่ได้เปรียบเทียบเรากับสิ่งที่เราเคยเป็นอีกต่อไป แต่เปรียบเทียบกับบริษัทระดับโลกอย่าง Amazon, Google หรือ Netflix ซึ่งหมายความว่าประสบการณ์ของลูกค้าทั้งหมดที่ได้รับจากเราจะต้องอยู่ในระดับเดียวกับบริษัทเหล่านั้นให้ได้”  นายซิกเว่ กล่าว

รวมถึงจำเป็นต้องเปลี่ยนผ่านจากบริษัทโทรคมนาคมแบบดั้งเดิม ไปสู่สิ่งที่ผมเรียกว่า Comp หรือองค์กรที่บูรณาการเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้ได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเราต้องทำให้คนของเราสามารถใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ และทำงานได้รวดเร็วเท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก

Back to top button