“ค้าปลีกไทย” ทยอยฟื้น! SSSG ก.ค. ยอดขายดีขึ้น ชู CPAXT-BJC เด่นชัด

บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทยเผยสาขาเดิม SSSG กลุ่มค้าปลีกเดือน ก.ค. ฟื้นตัวเป็น -1.9% จาก -2.6% ใน มิ.ย. โดย BJC และ CPAXT รับแรงหนุนเศรษฐกิจดีขึ้น แม้สินค้าตกแต่งบ้านยังชะลอตัว คาดไตรมาส 4 ยอดขายฟื้นตามการบริโภคและท่องเที่ยว


กลุ่มค้าปลีกเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวเล็กน้อยในเดือนกรกฎาคม 2568 หลังยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของอุตสาหกรรมโดยรวมปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จากแรงหนุนของสภาพอากาศที่มีเสถียรมากขึ้นและฐานเปรียบเทียบที่ต่ำในปีก่อน แม้บางกลุ่มสินค้ายังคงหดตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าตกแต่งบ้าน แต่ในภาพรวมถือเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวที่อาจชัดเจนมากขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งจะเป็นช่วง High Season ของการบริโภคและการท่องเที่ยวในประเทศ

บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยบทวิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม ( SSSG) ในกลุ่มค้าปลีกเดือนกรกฎาคม 2568 พบว่ามีสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยรวมของกลุ่มค้าปลีกอยู่ที่ -1.9% ปรับตัวดีขึ้นจากค่าเฉลี่ย -2.6% ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยการฟื้นตัวดังกล่าวเป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นในเกือบทุกกลุ่มธุรกิจย่อย สะท้อนจากสภาพอากาศที่ผันผวนน้อยลง และฐานเปรียบเทียบในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ในระดับต่ำ

โดยอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) สำหรับกลุ่มผู้ค้าปลีกสินค้าจำเป็นยังคงมีแนวโน้มติดลบในอัตราต่ำกว่า 1% แต่ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ -2% ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาก

ทั้งนี้ หากพิจารณาในรายบริษัท พบว่าบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT มีแนวโน้ม SSSG เป็นบวกเล็กน้อย โดยทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ทั้งในกลุ่มธุรกิจ B2B และ B2C

ขณะที่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC  (Big C) คาดว่า SSSG จะฟื้นตัวจากระดับ -5% ถึง -6% ในเดือนมิถุนายน มาอยู่ในระดับใกล้เคียงหรือต่ำกว่า -1% เล็กน้อย โดยได้รับแรงหนุนจากสภาพอากาศที่ผันผวนน้อยลงและการดำเนินแคมเปญส่งเสริมการขายที่เข้มข้นขึ้น

สำหรับ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL คาดว่า SSSG จะอยู่ในระดับติดลบเล็กน้อยไม่เกิน 1% และยังทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า จากผลกระทบของภาคการท่องเที่ยวที่ยังอยู่ในช่วงชะลอตัว

ขณะที่อัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เฉลี่ยของกลุ่มผู้ค้าปลีกสินค้าตกแต่งบ้านในมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยอยู่ที่ระดับ -6.0% จาก -6.7% ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

โดย SSSG ของบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO และบริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL คาดว่าจะทรงตัวในช่วง -4% ถึง -5% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า จากผลกระทบของปัจจัยตามฤดูกาลที่ลดลง

ขณะที่บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME คาดว่าจะมี SSSG ต่ำสุดในกลุ่มที่ระดับ -9% ถึง -10% จากปัจจัยอุปทานเหล็กที่ยังตึงตัว และยอดขายที่ลดลงในสาขาบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา 3 แห่ง เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ย SSSG ของกลุ่มในไตรมาส 2/2568 ที่อยู่ที่ -9.2% จะพบว่ามีสัญญาณการปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากผลกระทบของสภาพอากาศที่ลดลง อย่างไรก็ตาม SSSG ที่ยังคงอยู่ในแดนลบเป็นผลมาจากการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการใช้จ่ายซื้อสินค้าราคาแพงที่ลดลง

นอกจากนี้ อัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของกลุ่มผู้ค้าปลีกสินค้าฟุ่มเฟือยมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC คาดว่าจะรายงาน SSSG ติดลบในระดับตัวเลขหลักเดียวช่วงกลาง ที่ประมาณ -4% ซึ่งถือว่าปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยได้แรงสนับสนุนจากผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัวในเกือบทุกกลุ่มธุรกิจ ยกเว้นกลุ่มธุรกิจอาหารในประเทศไทย

ส่วนกลุ่มธุรกิจอาหารในเวียดนาม คาดว่า SSSG จะพลิกกลับมาเป็นบวกในช่วง +1% ถึง +3% เมื่อพิจารณาในสกุลเงินดอง สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อแปลงเป็นสกุลเงินบาท ยังคงติดลบในช่วง -7% ถึง -9% จากผลของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอง

ขณะเดียวกัน บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MOSHI มีแนวโน้มที่ SSSG จะชะลอตัวลงมาอยู่ในช่วง +8% ถึง +9% จากระดับ +9% ถึง +10% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นผลมาจากฐานยอดขายที่อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับปีก่อน

สำหรับช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 ฝ่ายวิจัยประเมินว่า อัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของกลุ่มผู้ค้าปลีกสินค้าจำเป็น อาจเผชิญความเสี่ยงด้านลบ (Downside Risk) เล็กน้อยเมื่อเทียบกับสมมติฐานที่วางไว้สำหรับทั้งปี โดยเฉพาะจากการชะลอตัวของ SSSG ในช่วงเดือนเมษายนถึงกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก อาทิ สภาพอากาศที่แปรปรวน และภาวะการท่องเที่ยวที่อ่อนตัวลงกว่าที่คาดการณ์ไว้

แม้กลุ่มสินค้าจำเป็นจะยังคงมีความแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย แต่พฤติกรรมผู้บริโภคที่ระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น รวมถึงความอ่อนไหวต่อแคมเปญส่งเสริมการขาย อาจส่งผลให้การเติบโตของยอดขายไม่เป็นไปตามคาด ในทางกลับกัน กลุ่มผู้ค้าปลีกสินค้าตกแต่งบ้านยังคงแสดงสัญญาณที่สอดคล้องกับสมมติฐานทั้งปีของฝ่ายวิจัย โดยไม่มีความเบี่ยงเบนที่มีนัยสำคัญ

ดังนั้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย SSSG สำหรับทั้งปี 2568 คาดว่ากลุ่มค้าปลีกจะต้องเร่งสร้างอัตราการเติบโตในเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาส 4/2568 ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลจับจ่ายใช้สอยและการท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม มุมมองของทางฝ่ายวิจัยต่อกลุ่มค้าปลีกยังคง “เป็นกลาง” เนื่องจากหุ้นส่วนใหญ่ซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PER ล่วงหน้าเกือบ 2.0 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน หลังตลาดได้สะท้อนแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจไปแล้ว โดยหุ้นเด่นแนะนำ คือ CPALL “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 68.00 บาท

Back to top button