
NEO มั่นใจครึ่งปีหลังฟื้น รับรู้รายได้ LovliTails – ขยายสินค้าใหม่ต่อเนื่อง
NEO เปิดเกมรุกต่อเนื่อง ไตรมาส 3/68 รับรู้รายได้แบรนด์ใหม่ “LovliTails” พร้อมออกสินค้าใหม่กว่า 136 SKU เสริมทุกเซ็กเมนต์ หนุนปี 68 โตระดับ High Single Digit
นางณิศรา ถกลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายปฏิบัติการ บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) หรือ NEO เปิดเผยในงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) วันที่ 13 สิงหาคม 2568 ว่า ในไตรมาส 2 ปี 2568 บริษัท มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 2,584 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2567 จำนวน 90 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.6 ปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของรายได้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือนและกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล ซึ่งเติบโตร้อยละ 15.1 และร้อยละ 9.3 ตามลำดับ อันเป็นผลจากความสำเร็จของกลยุทธ์มุ่งเน้นการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในประเทศอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในไตรมาสนี้มูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ำและน้ำยาปรับผ้านุ่มของบริษัทฯ เติบโตร้อยละ 12.0 และร้อยละ 10.2 จากงวดเดียวกันปีก่อน ตามลำดับ ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นราว 250 bps (2.50%) และ 50 bps (0.50%) มาอยู่ที่ร้อยละ 23.7 และร้อยละ 10.9 ตามลำดับ
ขณะที่บริษัทฯ มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทฯ สำหรับไตรมาส 2 ปี 2568 จำนวน 80 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 70.3 จากปีก่อน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นตามแผนการตลาดที่กำหนดไว้ โดยในไตรมาสนี้ บริษัทฯ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และยกระดับผลิตภัณฑ์เดิม (NPD & Relaunch) รวมราว 136 SKUs ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้เพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีหลัง 2568
อย่างไรก็ดี ในไตรมาส 3 บริษัทได้เริ่มรับรู้รายได้จากแบรนด์ “LovliTails” ซึ่งเป็นแบรนด์ลำดับที่ 9 ของบริษัทเรียบร้อยแล้ว โดยแม้สัดส่วนการทำตลาดรวม (Total Market) ลดลงเหลือ 4.2% จากระดับปกติ 6–7% แต่บริษัทสามารถสร้างการเติบโตต่อเนื่อง โดยมูลค่าตลาด (Market Value) ในไตรมาสนี้เติบโต 7.4% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปีนี้และครึ่งปีแรกปีก่อน
สำหรับสัดส่วนรายได้ครึ่งปีแรก กลุ่ม House Product อยู่ที่ 43% กลุ่ม Personal Care 28% และกลุ่ม Baby & Kids 29% โดยในไตรมาส 2/68 บริษัทมียอดขายรวม 2,584 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% จากปีก่อน (YoY) โดยกลุ่ม House เติบโต 15% นำโดยสินค้าน้ำยาปรับผ้านุ่มและน้ำยาซักผ้า แบรนด์ Lion ส่วนกลุ่ม Personal Care เติบโต 9% ครอบคลุมทุกแบรนด์ โดยเฉพาะครีมอาบน้ำและสินค้าทำความสะอาดสุนัข-แมวแบรนด์ Lovelys ขณะที่กลุ่ม Baby & Kids ลดลง 14% จากภาวะตลาดเด็กชะลอตัว
ด้านพื้นที่การขาย ในประเทศเติบโต 4.7% ขณะที่ต่างประเทศลดลง 4.5% จากยอดขายผลิตภัณฑ์เด็กในลาวที่ลดลง แต่เมื่อเทียบไตรมาสก่อน ยอดขายรวมทรงตัว โดยกลุ่ม House โต 6.5% ส่วน Personal Care และ Baby & Kids ลดลงราว 5% ตามการปรับพฤติกรรมสั่งซื้อของคู่ค้าและฤดูกาล อัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 2 อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท ลดลง 14% จากปีก่อนหน้า และ 8% จากไตรมาสก่อนหน้า จากต้นทุนวัตถุดิบและค่าปรับราคากลุ่ม Personal Care
พร้อมกันนี้ บริษัทออกสินค้าใหม่และรีลอนช์รวม 136 SKU ครอบคลุมทั้ง 3 กลุ่ม โดยมีไฮไลต์แบรนด์ LovliTails เปิดตัวในงาน Pet Expo พ.ค.ที่ผ่านมา และออกสินค้ากลุ่มพรีเมียมและอ่อนโยน 5 SKU พร้อมรุกตลาดผ่านร้าน Pet Shop ออนไลน์ และอีเวนต์กว่า 5 งานในสิ้นปีนี้ พร้อมทำการตลาดผ่าน Influencer, KOL และ KOC เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์
อีกทั้งเปิดตัวซีรีส์ Blooming Grow เจาะกลุ่ม Young Adult และ First Jobber เสริมช่องว่างตลาดที่ไม่ทับซ้อนกับแบรนด์ BeNice รวมถึงเปิดตัวผงซักฟอกสูตรเข้มข้นสำหรับเครื่องซักฝาหน้า ปรับ Positioning แบรนด์ Smart เป็น Fighting Brand และต่อยอดผลิตภัณฑ์ Fine Wash ด้วยสูตรใหม่สำหรับผู้ชาย ขณะเดียวกัน แบรนด์ Viceve ออก White & Anti-Aging Body Serum SPF 50 PA+++ ผลทดสอบพบผู้บริโภคเลือกใช้มากกว่าคู่แข่ง 69%
สำหรับตลาดต่างประเทศ กัมพูชาประสบปัญหาชายแดนปิดจากความขัดแย้งในปลาย พ.ค. ทำให้การส่งสินค้าล่าช้า 1 เดือน แต่ได้ปรับแผนขนส่งและสต๊อกเพียงพอรองรับ 1 เดือน ส่วนในลาว เดินหน้าผลักดันแบรนด์ Personal Care ให้ติดอันดับท็อป และในเวียดนามได้ขยายช่องทาง Modern Trade เข้าห้าง BX GO และเปิดร้านบน TikTok พร้อมทำไลฟ์ขายสินค้า
ด้านการลงทุน บริษัทปรับไทม์ไลน์โครงการก่อสร้าง House เฟส 2 และ Warehouse ออกไป 2–3 ปี เพื่อบริหารเงินกู้และลดภาระดอกเบี้ย คาดช่วยประหยัดต้นทุนในช่วงปี 2569–2571 ขณะที่กลยุทธ์ Neo Strategy ยังคงตั้งเป้าเติบโต Double Digit ระหว่างปี 2566–2571 และในปี 2568 คาดรักษาการเติบโตระดับ High Single Digit จาก New SKU, New Segment, การขยายตลาดพรีเมียม การรุกส่งออก และการเพิ่มช่องทางจำหน่าย
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าปี 2568 อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) อยู่ที่ 38–40% และคาดไตรมาส 3/68 เติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก แม้ต้นทุนสารทำความสะอาดและสินค้าโภคภัณฑ์ยังสูง พร้อมเดินหน้าขยายสินค้าใหม่และแคมเปญส่งเสริมการขายต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ