
“ทรัมป์” จ่อรีดภาษีชิป-ยา เกิน 25% อ้างดึงต่างชาติตั้งฐานผลิต-เพิ่มรายได้รัฐ
โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เรียกเก็บภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์และเวชภัณฑ์สูงกว่า 25% อ้างสองอุตสาหกรรมนี้มีกำไรมหาศาล และดึงดูดต่างชาติตั้งฐานผลิตในประเทศเพื่อเพิ่มรายได้รัฐ
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (17 ก.ย. 68) โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ อาจเรียกเก็บภาษีนำเข้า เซมิคอนดักเตอร์และเวชภัณฑ์ อัตราสูงกว่าอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ที่ 25% โดยให้เหตุผลว่าทั้งสองอุตสาหกรรมนี้มีกำไรมากกว่า พร้อมกับเพิ่มรายได้รัฐ ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ขณะที่ เมื่อถูกถามถึงความกังวลว่าการลดภาษีนำเข้ารถยนต์จาก เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และ สหภาพยุโรป (EU) เหลือ 15% จะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์สหรัฐฯ หรือไม่
“ผมไม่ได้ยอมอ่อนข้อให้ใคร เดิมทีพวกเขาไม่ต้องจ่ายอะไรเลย แต่ตอนนี้ต้องจ่าย 15% และบางสินค้าอาจต้องจ่ายมากกว่านั้น เช่น ชิปหรือยารักษาโรค เพราะมีกำไรกันเยอะมาก” ทรัมป์ กล่าว
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนส.ค. ทรัมป์เคยประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าชิปในอัตราเกือบ 100% และจะทยอยเก็บภาษีสินค้าประเภทยาในอัตราต่ำ จากนั้นปรับขึ้นเป็น 150% ภายในหนึ่งปี และอาจสูงถึง 250% ในระยะต่อไป
ด้าน ทำเนียบขาว ยังเตรียมเดินหน้าใช้มาตรา 232 ของกฎหมาย Trade Expansion Act ค.ศ. 1962 เพื่อเรียกเก็บภาษีเฉพาะกลุ่มในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และยา โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ
ทรัมป์ ย้ำถึงความสำคัญของมาตรการภาษีพร้อมเอ่ยถึงคดีภาษีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ ศาลฎีกาสหรัฐฯ ว่าหากชนะคดีนี้สหรัฐฯ จะมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลกและสามารถช่วยเหลือพลเมือง รวมถึงสนับสนุนประเทศอื่น ๆ ได้มากขึ้น ทั้งนี้ นโยบายภาษีเป็นเครื่องมือหลักในการเพิ่มรายได้รัฐ ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ลดการขาดดุลการค้า และหนุนการผลิตในประเทศ

