“อนุทิน”ส่งซิกชัด! นโยบาย “ควิกวิน” กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ควบคู่วางรากฐานให้รัฐบาลหน้า

นายกฯ อนุทิน ย้ำรัฐบาลเดินหน้านโยบาย "Quick Win" เพื่ออัดฉีดและกระตุ้นเศรษฐกิจให้เห็นผลในระยะสั้น ควบคู่ไปกับการสร้าง "รากฐานที่มั่นคง" เพื่อส่งมอบเสถียรภาพและความต่อเนื่องเชิงนโยบายให้แก่รัฐบาลชุดต่อไป สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนในระยะยาว


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (28 ก.ย.68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงความพร้อมในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาระหว่างวันที่ 29-30 กันยายนนี้ ระบุว่าร่างนโยบายได้ส่งให้ทุกฝ่ายศึกษาเรียบร้อยแล้ว ตามรัฐธรรมนูญ ตนจะต้องลุกขึ้นอ่านนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาให้สมาชิกได้รับทราบ

ทั้งนี้ เรื่องความกังวลเกี่ยวกับระยะเวลาที่จำกัดในการดำเนินนโยบายต่างๆ นั้นต้องบอกว่า พรรคภูมิใจไทย ทำงานอย่างต่อเนื่องมากว่า 6 ปี แม้ว่าช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา อาจมีงานบางส่วนค้างอยู่ แต่ไม่ถึงขั้นที่จะต้องยกเลิกสิ่งใด สิ่งที่ยังทำค้างอยู่สามารถสานต่อได้ พร้อมทั้งยังมีนโยบายใหม่ๆ ในฐานะนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ที่สามารถใช้ดำเนินการเพื่อช่วยเหลือประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจให้เพิ่มมากขึ้น

อีกทั้ง นายอนุทิน ยอมรับว่าการทำงานมีแรงกดดัน แต่ยืนยันว่าจะไม่ท้อถอยและจะทุ่มเทเต็มที่ตามสไตล์การทำงานของพรรคภูมิใจไทย โดยได้ยกตัวอย่างวัฒนธรรมการทำงานของพรรคที่เน้นความรวดเร็วและลงมือทำทันที ซึ่งเหมาะกับช่วงเวลาที่ประเทศต้องการผลลัพธ์แบบ “Quick win”

ส่วนกรณีที่ นายสีหศักดิ์ พวงเกตแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (UNGA) ถึงความชัดเจนด้านจุดยืนของรัฐบาล ซึ่งก่อนการเดินทางนั้น นายสีหศักดิ์ ได้นำแนวทางและนโยบายของรัฐบาลไปหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว และยืนยันว่าการแสดงจุดยืนครั้งนี้ เป็นไปอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ พร้อมทั้งแสดงความภาคภูมิใจที่บุคคลที่ได้รับมอบหมายมีความเชี่ยวชาญและความถนัดในด้านงานระหว่างประเทศ

แม้ว่ากัมพูชายังคงยั่วยุต่อประเทศไทยเราต้องมีความอดทนต่อสถานการณ์เช่นนี้ เพราะยิ่งอดทนมากเท่าไร จะยิ่งทำให้ชาวโลกและประชาคมนานาชาติเห็นว่าประเทศไทยอยู่ฝ่ายถูกต้อง

“วัฒนธรรมและประเพณีของไทย คือ ประเทศไทยไม่เคยรุกรานประเทศอื่น และจากบทเรียนทางประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ประเทศไทยจะไม่ยอมให้เกิดความอัปยศหรือสูญเสียอธิปไตยซ้ำรอยแน่นอน” นายอนุทิน กล่าว

นอกจากนี้ภารกิจสำคัญของรัฐบาล คือ ด้านความมั่นคง ซึ่งตนจะกำกับดูแลด้านความมั่นคงด้วยตนเอง เพื่อบูรณาการหน่วยงานหลักทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ให้ทำงานเป็นเอกภาพ ลดขั้นตอนการสั่งการและป้องกันปัญหาซ้ำรอยรัฐบาลก่อน พร้อมประกาศหนักแน่นว่า ดินแดนไทยต้องไม่ถูกรุกราน

นายอนุทิน ระบุว่า ที่ผ่านมา ประชาชนอาจรู้สึกว่าการตอบสนองต่อสถานการณ์ชายแดนยังไม่ทันใจ เพราะระบบการสั่งการซับซ้อน แต่เมื่อรัฐบาลใหม่เริ่มต้นวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ตนจะเป็นผู้กำกับโดยตรง สามหน่วยงานหลักจะทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อรักษาความปลอดภัยและอธิปไตยของชาติ ขณะเดียวกัน ฝ่ายต่างประเทศก็ต้องดำเนินการบนพื้นฐานผลประโยชน์ของประเทศ

สุดท้ายนี้ประเด็น สวนดุสิตโพล สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่องดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนกันยายน 2568 กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 2,012 คน ระบุประชาชนชื่นชอบนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ อนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 55.98 ด้านนักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ร้อยละ 44.27

ผลงานฝ่ายรัฐบาลที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ คนละครึ่งพลัส ร้อยละ 46.25 ขณะที่ ผลงานฝ่ายค้านที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ ผ่านกฎหมายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ร้อยละ 61.22 นั้น

นายอนุทินกล่าวว่า แม้จะรู้สึกดีใจ แต่ต้องไม่หลงระเริงกับตัวเลขเหล่านี้ ความนิยมเป็นทั้งกำลังใจและความคาดหวังจากประชาชน เปรียบเสมือนน้ำทิพย์ชโลมจิตใจ จึงต้องทำงานอย่างหนักเพื่อ ตอบแทนความเชื่อมั่นและความคาดหวัง มิให้กลายเป็นอันตรายต่อการทำงานหรือ “น้ำทิพย์ที่เป็นยาพิษ”

Back to top button