“กรภัทร” มอง SET ไซด์เวย์อัพ แนะลงทุนธีม “ฟันด์โฟลว์-ดอกเบี้ยขาลง”

นายกรภัทร วรเชษฐ์ มอง SET แกว่งไซด์เวย์อัพ แนะลงทุนกลุ่มธนาคาร KBANK-SCB-BBL รับฟันด์โฟลว์ และลงทุนกลุ่มดอกเบี้ยขาลง MTC-SAWAD-GULF-BGRIM ได้อานิสงส์


นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันที่ (2 ต.ค.68) ระบุว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยคาด SET แกว่งไซด์เวย์อัพ  โดยมีปัจจัยบวกในประเทศช่วยสนับสนุน ได้แก่ การกลับเข้ามาซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติและการเปิดสถานะซื้อในตลาด TFEX ซึ่งช่วยเพิ่มจิตวิทยาเชิงบวก โดยเฉพาะในหุ้นขนาดใหญ่กลุ่มธนาคาร

ด้านมาตรการภาครัฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ย้ำเป้าหมายให้ GDP ไตรมาส 4 เติบโตมากกว่า 1% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่เพียง 0.5% ขณะเดียวกันรัฐบาลเร่งรัดการลงทุนจริงจากโครงการ BOI มูลค่า 4.7 แสนล้านบาท และผลักดันไทยเป็นศูนย์กลาง Data Center ในภูมิภาค จากความได้เปรียบด้านพลังงานและที่ดิน

ในด้านนโยบายการเงิน การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) สัปดาห์หน้า มีความเป็นไปได้สูงที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง หลังเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำและการบริโภคภายในประเทศเปราะบาง ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ประเมินว่า การลดดอกเบี้ยทุก 0.25% จะช่วยหนุนดัชนี SET Index ได้ราว 50 จุด ซึ่งหากมาตรการและสัญญาณเชิงบวกเหล่านี้เกิดขึ้นจริง จะช่วยสร้างแรงส่งสำคัญต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงปลายปีนี้

นักวิเคราะห์ประเมินทิศทางการลงทุนในช่วงนี้ยังคงขับเคลื่อนด้วยธีมหลัก “หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากวงจรดอกเบี้ยขาลง” ซึ่งถูกมองว่าเป็นปัจจัยหนุนสำคัญต่อผลประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีภาระหนี้สินสูง

กลุ่มการเงินเพื่อผู้บริโภค เช่น บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC และ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD มีแนวโน้มได้รับอานิสงส์โดยตรงจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลง ช่วยเสริมความสามารถในการทำกำไร

ด้านกลุ่มโรงไฟฟ้า เช่น บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF และ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ได้ประโยชน์จากภาระดอกเบี้ยที่ลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อผลการดำเนินงานในอนาคต

ขณะที่กลุ่มค้าปลีกที่มีหนี้สินอยู่ในระดับสูง อาทิ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC และ บริษัท ซีพี เอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT และ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ได้รับแรงหนุนจากต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลง ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรเช่นกัน

ทั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์มองว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางในรอบถัดไปจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มแรงขับเคลื่อนให้กับหุ้นในธีมดังกล่าว

นักวิเคราะห์ประเมินแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3/2568 ว่าอาจไม่โดดเด่นนัก โดยได้รับผลกระทบจากช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมืองและการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่ล่าช้า ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงบางส่วน

สำหรับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ คาดว่าผลการดำเนินงานจะยังไม่โดดเด่น โดยมีแรงกดดันจากการเติบโตของสินเชื่อที่อยู่ในระดับต่ำ และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin: NIM) ที่ปรับตัวแคบลง อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกจากคุณภาพสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มปรับดีขึ้น โดยหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) คาดว่าจะทรงตัวได้ดี สะท้อนผลจากภาระดอกเบี้ยที่ลดลง และมาตรการแก้ไขหนี้เชิงโครงสร้างที่เริ่มเห็นผล

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ยังคงให้น้ำหนักกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นธนาคารในฐานะ “Value Play” และเป็นตัวแทน (Proxy) ที่สะท้อนกระแสเงินทุนต่างชาติ โดยหุ้นเป้าหมายที่คาดว่าจะได้รับแรงหนุนจาก Fund Flow ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK, ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL

Back to top button