
“ไชยชนก” ฉีดยาแรง! ยกระดับปราบ “โจรออนไลน์” แบบเรียลไทม์
“ไชยชนก ชิดชอบ” สั่งคณะกรรมการตามมาตรา 13 เร่งดำเนินการเชิงรุกปราบอาชญากรรมออนไลน์ สแกมเมอร์ และบัญชีม้า พร้อมบูรณาการ “กสทช.–ธปท.” สกัดภัยไซเบอร์แบบเรียลไทม์
นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามการอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มาตรา 13 ครั้งที่ 6/2568 ร่วมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือการดำเนินงานตามนโยบายของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่กำหนดให้การปราบปรามภัยออนไลน์ เป็นวาระแห่งชาติ
ทั้งนี้ ตามที่รัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญ และจริงจังกับการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ สแกมเมอร์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการพนันออนไลน์ โดยยกระดับการจัดการปัญหานี้เป็น “วาระแห่งชาติ” เช่นเดียวกันกับประเทศต่างๆทั่วโลก ซึ่งจะต้องมีการบูรณาการข้อมูลและการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ปรากฏผลการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้มีเพิ่มการดำเนินการเชิงรุกมากยิ่งขึ้น โดยขอความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จัดให้มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการใน “War Room” ศูนย์บริหารเหตุการณ์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และค้ามนุษย์นานาชาติ (ศกต.) หรือ IAC เพื่อร่วมบูรณาการข้อมูล ในการป้องกันและปราบปรามแบบ Real Time อย่างทันท่วงที
พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้ กสทช. พิจารณาแนวทางการควบคุมการใช้ซิมโทรศัพท์มือถือ โดยกำหนดหลักเกณฑ์ว่าบุคคลทั่วไปสามารถถือครองซิมของผู้ให้บริการเครือข่าย (โอเปอเรเตอร์) ทั้งหมดได้จำนวนไม่เกิน 5 หมายเลข/คน และบทลงโทษโอเปอเรเตอร์หากมีการละเว้นไม่ปฏิบัติ
นอกจากนี้ยังมอบหมายให้ ธปท.กำหนดมาตรการเชิงรุกการป้องกันและปราบปรามบัญชีม้า โดยป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ เช่น การกำหนดจำนวนบัญชีในรายบุคคล โดยอาจมีการพิจารณาให้เปิดบัญชีตามเหตุผลและเงื่อนไขความจำเป็น โดยพิจารณากำหนดแนวทางให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับบัญชีม้า สามารถมีบัญชีเพื่อการยังชีพได้เพียง 1 บัญชี และหากกระทำความผิดซ้ำ ให้มีการยกเลิกบัญชีธนาคารของบุคคลนั้นทันที
ขณะเดียวกันได้มีการหารือเพื่อการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทาง ฉบับที่ 2 ปี พ.ศ.2568 ซึ่งได้รับการปรับปรุงแก้ไขมาจากฉบับที่ 1 พ.ศ.2566 โดยเน้นให้ความสำคัญ ในการ “ป้องกัน ปราบปราม และตอบโต้” การก่ออาชญากรรมออนไลน์ โดยเน้นการกำกับดูแลตามหลักเกณฑ์ และมีบทลงโทษที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
“ขณะนี้รัฐบาลนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้กำหนดให้การปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการยกระดับความสำคัญ และเอาจริงเอาจังกับเรื่องดังกล่าว ในส่วนของ คกก.ตาม พ.ร.ก.ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มาตรา 13 ตนได้มอบหมายให้แต่ละหน่วยงาน เร่งรัดกำหนดมาตรการเชิงรุก และเดินหน้าแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อประชาชนอย่างจริงจัง โดยให้มีการประชุมติดตาม และตรวจสอบผลการดำเนินงานทุกสัปดาห์ พร้อมทั้งบังคับใช้กฎหมายขั้นรุนแรงอย่างถึงที่สุด หากตรวจสอบพบว่าข้าราชการ เจ้าหน้าที่ มีส่วนเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์” นายไชยชนก กล่าว