
DOHOME บวก 8% ขานรับโบรกอัพเป้า 4.60 บ. หลังกำไร Q3 แตะ 102 ลบ. จับตาสาขาใหม่หนุนต่อ
DOHOME บวก 8% หลังรายงานกำไรหลักไตรมาส 3/68 จำนวน 102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเพิ่มขึ้น 35% จากไตรมาสก่อนหน้า ได้แรงหนุนจากกลยุทธ์ปรับสัดส่วนสินค้าไปสู่สินค้าที่มีกำไรสูง และยอดขายผ่านอีคอมเมิร์ซ โดยบริษัทเพิ่มสาขาใหม่อีก 1 แห่งในไตรมาส 4/68 คาดช่วยกระตุ้นยอดขาย ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” พร้อมราคาเป้าหมาย 4.60 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (10 พ.ย. 68) ราคาหุ้น บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME ณ เวลา 10:09 น. อยู่ที่ระดับ 3.96 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 8.20% สูงสุดที่ระดับ 3.98 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.78 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 45.87 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ทาง DOHOME รายงานกำไรหลักที่ 102 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 35% จากไตรมาสก่อน) ได้แรงหนุนจาก 1) ลดลง 11% SSSG เนื่องจาก บริษัทยังคงประสบปัญหาการขาดแคลนเหล็กในเดือนกรกฎาคม ประกอบกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และ 2) อัตรากำไรขั้นต้นขยายตัว 1.3ppt เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน (เป็น 17.7%) ได้แรงหนุนจากการขาดแคลน เหล็กดังกล่าว รวมถึงกลยุทธ์ในการปรับเปลี่ยนสัดส่วนของสินค้าที่ขายไปสู่อัตรากำไรที่สูง โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้น 1.9ppt เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน (เป็น 15.6%) เนื่องจากมีสาขาเพิ่มขึ้น 2 แห่งในไตรมาสนี้ (สิ้นสุดไตรมาส 3 ปี 2568: 27) ซึ่ง ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการด าเนินงานเพิ่มขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) (DOHOME) รายงานกำไรหลักจำนวน 102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 35% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยสำคัญ 2 ประการ ได้แก่
ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ลดลง 11% เนื่องจากบริษัทยังคงประสบปัญหาการขาดแคลนเหล็กในเดือนกรกฎาคม ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
อัตรากำไรขั้นต้น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.3 จุดเปอร์เซ็นต์ (ppt) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 17.7% ได้รับแรงสนับสนุนจากภาวะการขาดแคลนเหล็กดังกล่าว รวมถึงกลยุทธ์การปรับสัดส่วนสินค้าไปสู่กลุ่มที่มีอัตรากำไรสูง โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อยอดขาย (SG&A/Sales) เพิ่มขึ้น 1.9 จุดเปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 15.6% เนื่องจากบริษัทมีการเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 แห่งในไตรมาสดังกล่าว ส่งผลให้สิ้นสุดไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทมีสาขาทั้งสิ้น 27 สาขา ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
โดยประเมินว่า ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในเดือนตุลาคมอยู่ที่ -5% ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจาก -11% ในไตรมาส 3 ปี 2568 เนื่องจากบริษัทไม่มีปัญหาการขาดแคลนสินค้าเหล็กเหมือนในช่วงก่อนหน้า นอกจากนี้ บริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบจากฐานเปรียบเทียบกรณีน้ำท่วมในไตรมาส 4 ปี 2567 ซึ่งเคยส่งผลให้ยอดขายในช่วงนั้นอยู่ในระดับสูง
ดังนั้น SSSG ในเดือนตุลาคมจึงสะท้อนถึงแนวโน้มการบริโภคในประเทศที่ยังคงชะลอตัว อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 1 แห่งในไตรมาส 4 ปี 2568 ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยช่วยกระตุ้นยอดขายในช่วงดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ปรับประมาณการผลประกอบการของบริษัทสำหรับปี 2569 พร้อมปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 4.60 บาท จากเดิม 4.50 บาท และปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” (จากเดิม “ถือ”) เนื่องจากราคาหุ้นได้ปรับฐานลงลึกประมาณ 56% ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) ขณะที่ราคาปัจจุบันได้สะท้อนแนวโน้มผลประกอบการที่อ่อนตัวในช่วงครึ่งหลังปี 2568 ไปแล้ว
ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทมีกำไรหลักจำนวน 102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเพิ่มขึ้น 35% จากไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นไปตามประมาณการของ Bloomberg Consensus
สำหรับไตรมาส 4 ปี 2568 ซึ่งเป็นช่วง ไฮซีซันของธุรกิจ บริษัทมีแนวโน้มได้รับอานิสงส์จากการเปิดสาขาใหม่ 3 แห่ง ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ส่งผลให้จำนวนสาขาทั้งสิ้นเพิ่มเป็น 27 แห่ง ณ สิ้นปี 2568 ทั้งนี้คาดว่ากำไรหลักในปี 2568 จะเติบโต 12% แตะระดับประมาณ 719 ล้านบาท
ทั้งนี้ หุ้น DOHOME ซื้อขายอยู่ที่ระดับ 14.8 เท่า ของค่า P/E ปี 2569 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวราว -1.5 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) สะท้อนถึงความน่าสนใจในการเข้าลงทุนในระยะกลางถึงยาว
