
TASCO ลุ้น Q4 ฟื้นแรง รับรัฐอัดงบซ่อมถนน 4.75 หมื่นลบ. พ่วงแบ็กล็อก 6.6 พันล้านบาท
TASCO ลุ้นผลงานไตรมาส 4/68 ฟื้นเด่น รับแรงหนุนงบซ่อมถนนภาครัฐกว่า 4.75 หมื่นล้านบาท พ่วงงานก่อสร้างในมือแน่น 6,600 ล้านบาท ทยอยรับรู้ปีละ 2,000–3,000 ล้านบาท หนุนรายได้ปี 68–69 ทิศทางบวก พร้อมเร่งน้าจัดหาน้ำมันดิบลดต้นทุนและดันสินค้าพรีเมียมเพิ่มสัดส่วนแตะ 20% เพื่อเสริมมาร์จิ้นในระยะยาว
นายสรนารถ นันทมนตรี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO เปิดเผยในงาน Opportunity Day เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 ว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 ได้รับผลกระทบอย่างมากจากฝนตกต่อเนื่องและพายุที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม ส่งผลให้ความต้องการใช้ยางมะตอยชะลอตัว ขณะที่ราคายางมะตอยในตลาดโลกปรับลดลงต่อเนื่องตั้งแต่เดือนสิงหาคม ทำให้มาร์จิ้นของธุรกิจต่างประเทศหดตัว อีกทั้งการแข่งขันด้านราคาสูงขึ้นจากคู่แข่งที่เร่งระบายสต๊อกเก่า
บริษัทมียอดขายยางมะตอยไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 290,000 ตัน ลดลง 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้จากธุรกิจก่อสร้างอยู่ที่ 599 ล้านบาท ลดลง 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากงานก่อสร้างรันเวย์ 3 และงานปรับปรุง SAT-2 ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิใกล้เสร็จสิ้น ส่งผลให้รายได้รวมกลุ่มธุรกิจไตรมาสนี้อยู่ที่ 6,521 ล้านบาท ลดลง 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 9,099 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 180 ล้านบาท ลดลง 75% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 735 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4/68 บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาจัดหาน้ำมันดิบอย่างน้อย 1–2 ลำก่อนสิ้นปี ซึ่งหากสำเร็จจะช่วยลดต้นทุนผลิตอย่างมีนัยสำคัญ ด้านตลาดในประเทศได้รับแรงสนับสนุนจากงบซ่อมถนนของรัฐบาลกว่า 47,500 ล้านบาท ที่จะเริ่มเบิกจ่ายในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า คาดหนุนดีมานด์ยางมะตอยฟื้นตัวต่อเนื่อง
ด้านตลาดต่างประเทศมีแนวโน้มเริ่มรีบาวด์ โดยเวียดนามและกัมพูชายังคงรักษาโมเมนตัมการก่อสร้าง แม้มีความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มีคำสั่งซื้อสม่ำเสมอ ส่วนอินโดนีเซียคาดว่าจะเริ่มโครงการใหม่ได้ในไตรมาส 1/2569 หลังงบประมาณปีนี้ล่าช้า โดยสัดส่วนรายได้ต่างประเทศคิดเป็นราว 30% ของรายได้ทั้งหมด กลุ่มลูกค้าใหญ่มี 5 ประเทศ ได้แก่ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย เวียดนาม อินโดนีเซีย และกัมพูชา นอกจากนี้ธุรกิจก่อสร้างยังมีงานในมือ (Backlog) ราว 6,600 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงานก่อสร้างและบำรุงรักษาถนน ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ปีละประมาณ 2,000–3,000 ล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์บริหารต้นทุน บริษัทเดินหน้าเจรจาจัดหาน้ำมันดิบเพื่อให้ได้ราคาที่แข่งขันได้ พร้อมทั้งเพิ่มแหล่งซัพพลายใหม่สำหรับยางมะตอย ซึ่งคาดว่าปริมาณจัดหาในปีนี้จะทำสถิติสูงสุดระดับ “ล้านตัน” ช่วยลดต้นทุนรวมของบริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้บริษัทยังเร่งขยายผลิตภัณฑ์พรีเมียม เช่น PMA โดยสามารถอัปเกรดยางมะตอยจากโรงกลั่นเข้าสู่ผลิตภัณฑ์เกรดสูง ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนราว 20% ของปริมาณขายรวม และได้รับการยอมรับในตลาดหลัก ได้แก่ ไทย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย
สำหรับปี 2569 บริษัทประเมินว่าเป็น “ปีปกติ” โดยดีมานด์ในประเทศขึ้นกับงบประมาณปี 2570 ที่จะเร็วหรือช้าตามการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่ตลาดต่างประเทศคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นตามโครงการโครงสร้างพื้นฐานในเวียดนาม อินโดนีเซีย ลาว และกัมพูชา
ในด้านความยั่งยืน (Sustainability) TASCO เดินหน้าติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในโรงงานทุกแห่ง โดยโรงงานสุราษฎร์ธานีได้เริ่มใช้งานแล้วตั้งแต่ไตรมาส 2/2568 สามารถลดการใช้ไฟฟ้าจากระบบได้ 3.44% จากเป้าหมาย 3.5% และอยู่ระหว่างขยายการติดตั้งไปยังโรงงานพระประแดงและพิษณุโลก เพื่อเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดต้นทุนค่าไฟฟ้าในระยะยาว

