
TQM ตั้งเป้าเบี้ยประกัน 5 หมื่นล้าน ภายในปี 70 พร้อมมั่นใจ Q4 สดใส รับไฮซีซั่นประกันภัย
TQM เร่งเดินหน้าตามเป้าหมายผลักดันเบี้ยประกันรวมให้แตะ 50,000 ล้านบาทภายในปี 2570 ด้วยการขยายธุรกิจทั้งแบบ Organic และ Inorganic ควบคู่กับการขับเคลื่อน 7 กลยุทธ์หลัก เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจในระยะยาว พร้อมบริษัทมั่นใจว่าผลประกอบการจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วง High Season ของธุรกิจประกันภัย พร้อมตั้งเป้าการเติบโตของรายได้เฉลี่ยปีละ 5–10% ภายใน 3 ปีจากนี้
นายรฐนนท์ ฟูเกียรติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) หรือ TQM เปิดเผยภาพรวมการดำเนินธุรกิจในงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 โดยระบุว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 891.82 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 160.71 ล้านบาท ลดลง 24.26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายที่ปรับตัวสูงขึ้น และต้นทุนต่อกรมธรรม์ที่เพิ่มขึ้นตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
สำหรับผลประกอบการรอบ 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 2,968.70 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 553.31 ล้านบาท ลดลง 12.71% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างไรก็ตาม รายได้หลักของบริษัทยังคงมาจากค่าคอมมิชชัน โดยกว่า 90% เป็นรายได้จากประกันวินาศภัย ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารมีแนวโน้มลดลงจากการดำเนินมาตรการ Strategic Cost Management ส่งผลให้ฐานะทางการเงินยังอยู่ในระดับแข็งแกร่ง อัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ในเกณฑ์ดี และมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) ปัจจุบันประมาณ 8.6%
ด้านธุรกิจประกันภัยยังคงมีเสถียรภาพ โดยเฉพาะประกันรถยนต์ซึ่งยังมีความต้องการในตลาด แม้เศรษฐกิจอยู่ในภาวะชะลอตัว อีกทั้งอัตราการต่ออายุประกันอยู่ที่ประมาณ 80% ส่วนประกันบ้านและประกันสุขภาพยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องตามพฤติกรรมผู้บริโภคและปัจจัยแวดล้อมของปีนี้ ขณะเดียวกันธุรกิจสินเชื่อยังสามารถรักษาคุณภาพพอร์ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนกำลังซื้อของลูกค้า และช่วยสร้างโอกาสในการขายผลิตภัณฑ์ประกันเพิ่มเติมให้กับบริษัท
ในด้านเทคโนโลยี บริษัทเดินหน้าตามแผน AI Roadmap โดยได้นำระบบ Voice-to-Text มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบคุณภาพในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา และเตรียมขยายไปสู่กระบวนการ Automation ในไตรมาส 1–2 ของปีหน้า พร้อมพัฒนา AI Voice Agent และระบบ Advisory เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าดิจิทัลอย่างมีประสิทธิผล นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนก้าวสู่ระบบ AI Augmented Operations ในช่วงต้นปีถัดไป เพื่อรวบรวมและใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ รองรับงานขายและการดำเนินงานภายในองค์กรอย่างครบวงจร
นายรฐนนท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เป้าหมายระยะยาวของบริษัทคือการผลักดันเบี้ยประกันภัยรวมให้แตะระดับ 50,000 ล้านบาทภายในปี 2570 ผ่านการขยายธุรกิจทั้งในเชิง Organic และ Inorganic พร้อมตั้งเป้าการเติบโตของรายได้เฉลี่ย 5–10% ภายในสามปีข้างหน้า แม้ไตรมาส 3 จะเป็นช่วง Low Season ของธุรกิจประกันภัย แต่บริษัทคาดว่าไตรมาส 4 ซึ่งเป็น High Season จะช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ
ในด้านการแข่งขัน บริษัทประเมินว่าโบรกเกอร์ Non-Bank และประกันรถยนต์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ยังไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโดยตรง เนื่องจากตลาดรถยนต์สันดาปยังคงเป็นฐานหลักของอุตสาหกรรม อีกทั้งผู้เล่นแต่ละรายมีโมเดลธุรกิจและโครงสร้างมาร์จิ้นที่แตกต่างกัน ทำให้ TQM มั่นใจว่า การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีควบคู่กับกลยุทธ์สำคัญ 7 ด้าน จะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว ได้แก่
1.กลยุทธ์ขยายผลิตภัณฑ์ประกัน (Insurance Solution Expansion) 2.กลยุทธ์รักษาฐานลูกค้าและเพิ่มอัตราการต่ออายุ (Customer Retention & Renewal Strategy) 3.กลยุทธ์พัฒนาช่องทางการขายหลากหลายรูปแบบ (Multi-Channel Sales Enhancement) 4.กลยุทธ์เสริมธุรกิจสินเชื่อ (Financial Solution Integration) 5.กลยุทธ์พัฒนาเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (Technology & AI Transformation) 6.กลยุทธ์บริหารต้นทุนเชิงกลยุทธ์ (Strategic Cost Management) และ7.กลยุทธ์เติบโตผ่านการลงทุนและพันธมิตร (Inorganic Growth & Partnership Strategy)
นายรฐนนท์ ระบุทิ้งท้ายว่า โครงสร้างธุรกิจแบบ “สามเสาหลัก” จะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของบริษัทในไตรมาสถัดไปและตลอดปีหน้า พร้อมสร้างเสถียรภาพทางธุรกิจและความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมประกันภัยอย่างยั่งยืน

