OR ส่งซิก Q4 โตรับไฮซีซั่น เดินหน้าขยาย Found & Found–Budget Hotel ปีหน้า

OR ส่งซิกไตรมาส 4/68 เติบโตต่อเนื่อง รับช่วงไฮซีซั่น พร้อมขยายธุรกิจใหม่ found & found เปิดจุดขาย 50 แห่งในปีหน้า, รวมถึง Budget Hotel คาดร่วมมือพันธมิตรภายในสิ้นปีนี้ และเริ่มก่อสร้างในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า


นางสาววิไลวรรณ กาญจนกันติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารการเงิน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 21 พ.ย.68 ว่า บริษัทพลิกมีกำไรสุทธิ 2,614.26 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 1,608.75 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวม 153,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของกลุ่มธุรกิจ Lifestyle และส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมค้าและบริษัทร่วม รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายดำเนินงาน

สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4/2568 เติบโตต่อเนื่อง คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากช่วงไฮซีซั่น โดยได้รับการสนับสนุนจากราคาน้ำมันที่ทรงตัวประมาณ 60 เหรียญสหรัฐ รวมทั้งการบริหารจัดการสต็อกสินค้าและการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ

ในส่วนตลาดต่างประเทศ ผลการดำเนินงานแตกต่างกันตามแต่ละประเทศ โดยยอดขายในฟิลิปปินส์เติบโตสูง ขณะที่ สปป.ลาวเติบโตต่อเนื่องตาม GDP ของประเทศ แต่ธุรกิจในกัมพูชาได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งตามแนวชายแดน ทำให้ยอดขายลดลงตั้งแต่ครึ่งหลังของปีนี้ และมีดีลเลอร์ประมาณ 10% (ราว 50 สถานี) ร้องขอเปลี่ยนไปใช้แบรนด์ท้องถิ่น

ด้านการขยายธุรกิจใหม่ OR ยังคงเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องในกลุ่ม New Ventures โดยธุรกิจ F&F (found & found) อยู่ในขั้นทดลองตลาดและมีแผนเปิดจุดขาย 50 แห่งในปีหน้า ส่วนธุรกิจโรงแรมราคาประหยัด (Budget Hotel) คาดว่าจะสามารถประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรภายในสิ้นปีนี้ และเริ่มก่อสร้างในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า

สำหรับธุรกิจร้านสะดวกซัก (Otteri Wash & Dry) แม้ในประเทศไทยเผชิญการแข่งขันสูง การเติบโตจึงอยู่ในระดับหนึ่ง แต่การขยายธุรกิจไปยังกัมพูชาประสบความสำเร็จ เปิดไปแล้วกว่า 10 สาขา และได้รับการตอบรับดี เนื่องจากเป็นบริการใหม่ในตลาดดังกล่าว ซึ่งสวนทางกับธุรกิจ Mobility (PTT Station) ในกัมพูชาที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง

ในส่วนของงบประมาณลงทุนปี 2569 ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการขออนุมัติ โดยบริษัทยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งในกลุ่มธุรกิจ Mobility และ Lifestyle ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีเงินสดคงเหลือประมาณ 35,000 ล้านบาท ซึ่งวางแผนใช้สำหรับการขยายธุรกิจทั้งแบบ Organic และการเข้าซื้อกิจการ (M&A)

แม้ว่าตลาดน้ำมันในประเทศจะเผชิญภาวะหดตัวจากผลกระทบของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และระบบขนส่งมวลชน OR ยังสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดและมีผลการดำเนินงานดีกว่าภาพรวมตลาด โดยธุรกิจน้ำมันเครื่องบิน (Jet Fuel) เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจเชิงพาณิชย์

Back to top button