
YONG เร่งผุดโรงงานระยอง–ขยายแพลนท์ EEC รับดีมานด์พุ่ง ตุนแบ็กล็อก 602 ล้าน
YONG ลุยขยายฐานผลิต เร่งสร้างโรงงานระยอง–เพิ่มแพลนท์ย่อย EEC รับดีมานด์อุตสาหกรรม–งานรัฐ และหวังชดเชยอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว พร้อมโชว์แบ็กล็อก 602 ล้านบาท รองรับรายได้ยาวถึงปี 2570
นายปฏิเวธ ศลิษฏ์อรรถกร รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชีและการเงิน บริษัท ยงคอนกรีต จำกัด (มหาชน) YONG เปิดเผยในงาน Opportunity Day เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 ว่า ไตรมาส 3/68 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 254 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.87% จากปีก่อน ได้แรงหนุนจากยอดขายผลิตภัณฑ์คอนกรีต โดยเฉพาะคอนกรีตผสมเสร็จสำหรับโครงการสะพานข้ามแยกวังสารพีและอุโมงค์ข้ามแยกแก่งเสี้ยน อีกทั้งมีการเปิดสาขา “แพลนท์ระยอง” เพิ่มอีก 1 แห่ง ส่งผลให้กำไรสุทธิไตรมาส 3 อยู่ที่ 9.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.95% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนภาพรวม 9 เดือนปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 714 ล้านบาท ลดลง 8.39% จากปีก่อน ตามการหดตัวของงานบริการติดตั้งรั้วและงานขายพร้อมติดตั้ง ซึ่งได้รับผลกระทบจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาและนโยบายสินเชื่อเข้มงวดของสถาบันการเงิน ส่งผลกำไรสุทธิ 9 เดือนเหลือ 16 ล้านบาท ลดลง 71.21% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
จากภาพรวมตลาดที่อ่อนแรง บริษัทได้ปรับพอร์ตลูกค้าเพื่อลดความเสี่ยง โดยสัดส่วนลูกค้าผู้รับเหมาและลูกค้าทั่วไปเพิ่มขึ้นเป็น 61% จากราว 40% ขณะที่ลูกค้าโครงการอสังหาฯ ลดลงเหลือ 29% จาก 40–45% ส่วนงานรัฐมีสัดส่วน 7% และลูกค้าต่างชาติราว 3% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนในพื้นที่ EEC
ด้านธรรมาภิบาลบริษัทเข้าร่วมโครงการ Jump Up ระยะ 3 ปี (2569–2571) พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์ยั่งยืน เช่น การติดตั้งโซลาร์เซลล์ในโรงงานทั้ง 3 แห่ง เพื่อลดต้นทุนพลังงานและสนับสนุนพลังงานหมุนเวียน
โดยณ สิ้นไตรมาส 3 บริษัทมี Backlog รวม 602 ล้านบาท แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์คอนกรีต 430 ล้านบาท และงานขายพร้อมติดตั้ง 172 ล้านบาท โดยทยอยรับรู้รายได้ปี 2568 จำนวน 183 ล้านบาท ปี 2569 ราว 259 ล้านบาท และปี 2570 ประมาณ 160 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4/68 ผู้บริหารประเมินว่ายังเผชิญความท้าทายจากดีมานด์สินค้าคอนกรีตที่ลดลงและการแข่งขันด้านราคาที่สูง ซึ่งอาจยืดเยื้อถึงไตรมาส 1/69
อย่างไรก็ตามบริษัทเดินหน้าหาลูกค้าใหม่ในภาคอุตสาหกรรมและงานรับเหมาภาครัฐ โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ที่มีการลงทุนจากต่างชาติอย่างต่อเนื่อง พร้อมแผนขยายแพลนท์ย่อยในปีหน้าและเตรียมก่อสร้างโรงงานระยองในปี 69 เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค พร้อมกันนี้ บริษัทยังเน้นบริหารต้นทุนอย่างเข้มงวด ทั้งด้านการผลิตและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน รวมถึงการติดตามและบริหารความเสี่ยงด้านหนี้สงสัยจะสูญอย่างใกล้ชิด เพื่อลดผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอ

