
“หุ้นเครื่องดื่ม” งบ Q3 กำไรวูบ! เซ่นต้นทุนผันผวน ลุ้นไตรมาส 4 ฟื้น รับยอดขายพุ่ง
"หุ้นกลุ่มเครื่องดื่ม" งบไตรมาส 3/68 กำไรวูบ จากแรงกดดันต้นทุนวัตถุดิบผันผวน-ดีมานด์ส่งออกซบ จับตาไตรมาส 4/68 ฟื้นตัวเด่น รับอานิสงส์ไฮซีซันท่องเที่ยว ขณะที่ปี 69 เริ่มเห็นสัญญาณบวกจากสินค้าเพื่อสุขภาพ–รับจ้างผลิต ต้นทุนลด และออเดอร์ส่งออกมีแนวโน้มกลับมา
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้รวบรวมผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) กลุ่มเครื่องดื่ม ซึ่งอ้างอิงข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ออกมาเป็นที่เรียบร้อยพบว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/68 ของกลุ่มเครื่องดื่มออกมาซบเซากำไรหดถ้วนหน้า โดยเฉพาะกลุ่มส่งออกและกลุ่มที่พึ่งพาตลาดเพื่อนบ้าน
โดยจากข้อมูลกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 กลุ่มเครื่องดื่ม ประกอบด้วย ICHI, CBG, SAPPE, COCOCO, MALEE , PLUS, TIPCO และ OSP พบว่า มีเพียงหุ้น ICHI ที่มีกำไรไตรมาส 3/68 เพิ่มขึ้นเล็กเล็กน้อย และ TIPCO-OSP สามารถที่พลิกมีกำไร ขณะที่เหลือเป็นกลุ่มที่กำไรอ่อนตัวแรง ได้แก่ CBG ลดลง 16.85%, SAPPE ลดลง 38.96%, COCOCO ลดลง 59.71%, MALEE ลดลง 63.91% และ PLUS พลิกขาดทุนสุทธิ
อย่างไรก็ตามหลายบริษัทเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวจากการปรับกลยุทธ์ ขณะที่ไตรมาส 4/68 ลุ้นรับแรงหนุนฤดูกาลท่องเที่ยว เชื่อว่าปี 2569 จะกลับมาเติบโตได้ จากการบริหารต้นทุนเข้ม–ฟื้นตัวตลาดส่งออก–ขยายสินค้าเพื่อสุขภาพ และเร่งออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่
สำหรับบริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI ระบุว่า แนวโน้มโค้งสุดท้ายยังคงวางแผนเชิงบวก โดยคาดว่ายอดขายจะได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อาทิ โครงการ “คนละครึ่งพลัส” และการเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น อิชิตัน ไอซ์ที, อิชิตัน บิ๊กไซส์ แคนดี้ แอปเปิ้ล และเย็นเย็น ยักษ์ ไซส์ใหญ่จุใจ เพื่อกระตุ้นตลาดในช่วงไตรมาส 4 ในส่วนของตลาดต่างประเทศ อิชิตัน อินโดนีเซีย ยังคงรุกตลาดด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ICHITAN CHIZ TEA (อิชิตัน ชีสที) ชานมชีสคั่วหอมสูตรพิเศษ เอาใจคนรักชานมและชีส โดยมุ่งมั่นขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมทั้งร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าปลีกท้องถิ่น
ด้านบริษัทไทยโคโคนัท จำกัด มหาชน หรือ COCOCO เตรียมเปิดโรงงานใหม่ในฟิลิปปินส์ปี 2569 ภายใต้ NOVOCOCONUT INC. เพื่อเพิ่มกำลังผลิตและลดความเสี่ยงจากแหล่งวัตถุดิบเดิม
ส่วนบริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE วางกลยุทธ์ Global Marketing ที่ร่วมงานกับศิลปินเกาหลี (BTS, SEVENTEEN, TXT) ช่วยสร้างราคาต่อแบรนด์ ขยายฐานผู้บริโภคทั้งยุโรป–ตะวันออกกลาง–เอเชีย พร้อมเพิ่มสินค้าใหม่ เช่น Mogu Mogu Zero และ Pretzel ดันโอกาสเติบโตเต็มแรงในปี 2569 จากคำสั่งซื้อและต้นทุนที่กำลังลดลง
ด้านบริษัทมาลี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE วางแผนธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2568 บริษัทฯ นำผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าว Malee COCO ขยายตลาดในประเทศจีน เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย ตะวันออกกลาง ผ่านการขยายช่องทางจำหน่ายใหม่ รวมทั้งนำผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพเข้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่ Global Wellbeing Company ส่วนภายในประเทศมุ่งสร้างการรับรู้กลุ่มผลิตภัณฑ์มาลีอย่างต่อเนื่อง อาทิ Malee Power Plants ที่มีนวัตกรรม INNOGUTZ รวมทั้งดำเนินกิจกรรมการตลาดและส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นการทดลองสินค้า เพื่อรับกับทิศทางตลาดน้ำผักและผลไม้พร้อมดื่มในไตรมาส 4 ที่คาดการณ์จะขยายตัวจากการเข้าสู่ไฮซีซันการท่องเที่ยว ซึ่งจะกระตุ้นการบริโภคในช่องทางโรงแรม ร้านอาหาร และเทศกาลเฉลิมฉลองและการมอบกระเช้าของขวัญปีใหม่ โดยน้ำผลไม้ถือเป็นหนึ่งในสินค้ายอดนิยมสำหรับกลุ่มสุขภาพ
ส่วนตลาดน้ำมะพร้าว มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากเทรนด์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น อีกทั้งโครงการคนละครึ่ง พลัส สนับสนุนการใช้จ่ายโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้มาลี (Malee) น้ำมะพร้าว Malee COCO และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในช่องทางร้านค้าปลีกดั้งเดิม บริษัทฯ จึงมั่นใจว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตในช่วงโค้งสุดท้ายของปี
ส่วนบริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS วางแผนปี 2569 จะเป็นอีกหนึ่งปีแห่งการเดินหน้าเต็มกำลังของ PLUS ทั้งในด้านการผลิต การตลาด และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มเครื่องดื่มสุขภาพระดับพรีเมียม ซึ่งจะเป็นอีกแรงขับเคลื่อนสำคัญในการขยายฐานรายได้และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว”
ด้านตลาด โอเชียเนีย ยังคงมีทิศทางเชิงบวก รับกระแสความนิยมเครื่องดื่มน้ำมะพร้าวยังคงแรงต่อเนื่อง โดย PLUS ได้ลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งช่วยเสริมยอดขายในช่วง Low Season ของภูมิภาคอื่น ทำให้บริษัทมีรายได้ที่ สมดุลและต่อเนื่องตลอดทั้งปี ถือเป็นตลาดยุทธศาสตร์สำคัญที่ช่วยกระจายความเสี่ยงและเสริมเสถียรภาพให้กับพอร์ตธุรกิจของบริษัท
สำหรับตลาด ยุโรป บริษัทยังมองเห็นโอกาสจากเทรนด์การบริโภคเพื่อสุขภาพที่เติบโตอย่างชัดเจน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติอย่าง “น้ำมะพร้าว 100%” และ “น้ำนมมะพร้าว” ซึ่งเป็น Hero Products ปัจจุบันเริ่มขยายตลาดเข้าสู่ประเทศ สหราชอาณาจักร (UK) ซึ่งเป็นตลาดศักยภาพสูงและคาดว่าจะกลายเป็นฐานหลักในการเติบโตของ PLUS ในอนาคตอันใกล้
ด้านบริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG และบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP บล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศเดือนตุลาคมปรับตัวดีขึ้น โดยยอดขายรวม (by sales volume) เติบโต 3.9% เทียบเดือนก่อนหน้า แม้ยังลดลง 1.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนแนวโน้มฟื้นตัวของดีมานด์ในประเทศ
ทั้งนี้ CBG ทำสถิติส่วนแบ่งตลาด (market share) สูงสุดใหม่ที่ 27.9% จากกลยุทธ์ตรึงราคาขาย 10 บาท พร้อมการรุกตลาด Modern Trade ที่ช่วยดันรายได้สินค้าแบรนด์ของตนในประเทศให้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าในไตรมาส 4 จะทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง
ขณะที่ OSP เห็นส่วนแบ่งตลาดอ่อนตัวทั้ง เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เทียบเดือนก่อนหน้า ตามแผนการทำโปรโมชั่นในกลุ่ม Modern Trade แต่บริษัทคาดว่าจะฟื้นตัวในช่วงปลายปีตามฤดูกาลและกิจกรรมการตลาด
โดยกำไรปกติของกลุ่ม Energy Drink (OSP และ CBG) ในไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 1,316 ล้านบาท ลดลง 7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ ลดลง 27% เทียบไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังคงประมาณการกำไรปี 2568 อยู่ที่ 6,326 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) และปี 2569 ที่ 7,094 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ในประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง ต้นทุนวัตถุดิบลดลง และตลาดต่างประเทศเริ่มฟื้นตัว
ทั้งนี้ยังคงคำแนะนำการลงทุนกลุ่ม Food & Beverage (Energy Drink) ในระดับ “เท่ากับตลาด” โดยเลือก OSP เป็นหุ้นเด่น (Top Pick) ให้ราคาเป้าหมาย 20.00 บาท จาก Valuation ที่ยังไม่สะท้อนการเติบโตของกำไรปี 2568-2569 ที่มีแนวโน้มทำระดับสูงสุดใหม่


