เละเป็นโจ้ก! เปิด 5 หุ้นดิ่งหนักในรอบ 10 เดือน

เละเป็นโจ้ก! เปิด 5 หุ้นดิ่งหนักในรอบ 10 เดือน


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ SET ช่วง 10 เดือนแรกปี 59 โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.58-31 ต.ค.59 โดยการสำรวจครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นที่ราคาปรับตัวลดลงเกือบ 50% เท่านั้น สำหรับหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวมีทั้งหมด 5 ตัว ประกอบด้วย SOLAR, BTC, TASCO, RICH และ KC

หลักทรัพย์  31-ต.ค.-59 30-ธ.ค.-58  เปลี่ยนแปลง 
 บาท   % 
SOLAR 3.86 9.90 -6.04 -61.01
BTC 0.08 0.19 -0.11 -57.89
TASCO 18.10 40.50 -22.40 -55.31
RICH 0.29 0.59 -0.30 -50.85
KC 1.17 2.12 -0.95 -44.81

 

อันดับ 1 บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) หรือ SOLAR ราคาช่วง 10  เดือนแรก ปรับตัวลดลง 61 % จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 9.90 บาท  ลบ 6.04 บาท มาอยู่ที่ 3.86 บาท ณ วันที่ 31 ต.ค.59 ราคาหุ้นอ่อนตัวมีปัจจัยกระทบหลายด้าน ทั้งในเรื่องผลการดำเนินที่ไม่สดใส เห็นได้จากบริษัทขาดทุนไตรมาส 1/59 และมีการแก้ไขงบจากขาดทุนหลักล้านเป็นขาดทุนหลักแสน ขณะเดียวกันผู้ถือหุ้นใหญ่เทขายหุ้นออกมา ส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นและเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงดังกล่าว

อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/59 บริษัทพลิกมีกำไรสุทธิ 13.56 ล้านบาท หลังทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่เซ็นสัญญาไปแล้วมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1.79 พันล้านบาท ประกอบกับมียอดขายแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งมีคำสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่องและในอนาคตจะมีงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้น

อีกทั้งแนวโน้มผลประกอบการโดยรวมในปีนี้จะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา นอกจากนี้บริษัทยังเป็นเจ้าของโซลาร์ฟาร์มขนาด 9 เมกะวัตต์ ที่จะสร้างเสร็จภายในสิ้นปีนี้ และรับรู้รายได้ต่อเนื่องอีก 25 ปี น่าจะเป็นแรงหนุนให้ราคาหุ้นฟื้นตัวขึ้นได้

 

อันดับ 2 บริษัท บางปะกง เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ BTC ราคาหุ้นช่วง 10  เดือนแรก ปรับตัวลดลง 57.89 % จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 0.19 บาท  ลบ 0.11 บาท มาอยู่ที่ 0.08 บาท ณ วันที่ 31 ต.ค.59  โดยบริษัทดำเนินธุรกิจท่าเทียบเรือ มีลักษณะเป็นท่าเทียบเรือสินค้าบรรจุตู้ (Container Terminal) โดยให้บริการกับเจ้าของเรือ เจ้าของตู้สินค้า และผู้ส่งออกและนำเข้าสินค้า

หุ้นรายนี้ถือเป็นหุ้นเก็งกำไร เนื่องจากมีราคาถูกทำให้ง่ายต่อการดันราคา อีกทั้งไม่มีฟื้นฐานรองรับ เห็นได้จากบริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุนมาตั้งแต่ปี 56 ดังนั้นเวลาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงราคาหุ้นก็จะลงแรงเสมอ การเข้าลงทุนหุ้นรายนี้จึงต้องหาจังหวะเข้าลงทุนอย่างมาก

 

อันดับ 3 บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO ราคาช่วง 10 เดือนแรก ปรับตัวลดลง 55.31% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 40.50 บาท  ลบ 22.40 บาท มาอยู่ที่ 18.10 บาท ณ วันที่ 31 ต.ค.59 ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง หลังนักลงทุนเทขายทำกำไรเนื่องจากหุ้นยืนอยู่ในระดับสูงก่อนหน้านี้ ประกอบกับราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นรอบใหม่ช่วงครึ่งแรกปีนี้ ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตยางมะตอย ทำให้นักลงทุนทยอยขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดไตรมาส 3/59 มีกำไรสุทธิ 328.83 ล้านบาท ลดลง 77% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.45 พันล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายและบริการลดลง 48.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการลดลงของราคาขายและปริมาณขาย หลังความต้องการยางมะตอยของตลาดส่งออกและตลาดในประเทศช่วงไตรมาสนี้ลดลง ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 2.22 พันล้านบาท ลดลง 43% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3.90 พันล้านบาท ยิ่งทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า TASCO ประกาศกำไรหลักไตรมาส 3/59 เพียง 329 ล้านบาท (-77% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, -53% เทียบกับไตรมาสก่อน) ถือว่าออกมาน้อยตามคาด สาเหตุหลักที่กำไรอ่อนลงคือ อัตรากำไรขั้นต้นเป็นเพียง 10% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและเทียบไตรมาสก่อนหน้าที่ 22.1% และ 17.5% ตามลำดับ 

โดยอุปสงค์หรือความต้องการยางมะตอยทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเวียดนามและอินโดนีเซียที่ลดต่ำลง ยังผลให้เกิดแรงกดดันต่อราคาขายในต่างประเทศ สำหรับกำไรในงวด 9M59 คิดเป็นสัดส่วน 76% จากประมาณการทั้งปี 59 ความกังวลยังเป็นเรื่องอุปสงค์หรือความต้องการในยางมะตอยทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ลดน้อย ยังผลให้ราคาขายยางมะตอยอ่อนตัวลง คงคำแนะนำในเชิงลบคือ เต็มมูลค่า (Fully Valued) และราคาพื้นฐานที่ 17.00 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/E ปี 60 ที่ 8.5 เท่า

 

อันดับ 4 บริษัท ริช เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ RICH ราคาหุ้นช่วง 10 เดือนแรก ปรับตัวลดลง 50.85% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 0.59 บาท  ลบ 0.30 บาท มาอยู่ที่ 0.29 บาท ณ วันที่ 31 ต.ค.59 หุ้นรายนี้ถือเป็นหุ้นเก็งกำไรเวลาปรับตัวขึ้นแรงก็จะมีแรงเทขายออกมาอย่างหนัก

อีกทั้งพื้นฐานบริษัทยังไม่แข็งแกร่ง เห็นได้จากผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 มีผลขาดทุนสุทธิ 9.81 ล้านบาท ลดลง 74% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 38.37 ล้านบาท ขณะที่ช่วง 6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 2.06 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 35.66 ล้านบาท ราคาหุ้นก็ยังไม่ฟื้นตัว เนื่องจากยังไม่แผนงานธุรกิจออกมาน่าสนใจ ส่งผลให้ราคาหุ้นมีตลอด 10 เดือนเป็นขาลงมาอย่างต่อเนื่องการเข้าลงทุนหุ้นรายนี้จึงต้องหาจังหวะเข้าลงทุนอย่างมาก

 

อันดับ 5 บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ KC ราคาช่วง 10  เดือนแรก ปรับตัวลดลง 44.81% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 2.12 บาท  ลบ 0.95 บาท มาอยู่ที่ 1.17 บาท ณ วันที่ 31 ต.ค.59  สำหรับหุ้นรายนี้ถือเป็นหุ้นเก็งกำไรที่นักลงทุนชอบเข้ามาไล่ราคา เนื่องจากหุ้นมีราคาถูก อย่างไรก็ตามในยามที่หุ้นขึ้นแรงก็มีโอกาสที่หุ้นจะลงแรงด้วยเช่นกัน เนื่องจากหุ้นไม่พื้นฐานรองรับที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้ช่วงที่ผ่านมาหุ้นรายนี้เข้าไปติดในกลุ่มหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายตามเกณฑ์ Trading Alert และ Turnover List อยู่บ่อยครั้ง การเข้าลงทุนหุ้นรายนี้จึงต้องหาจังหวะเข้าลงทุนอย่างมาก

 

ทั้งนี้ แม้ราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวจะอ่อนตัวลงหนัก หากมองอีกด้านหนึ่งหุ้นกลุ่มนี้ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงได้เช่นกัน เพราะเมื่อดูแผนการดำเนินงานหุ้นกลุ่มนี้ก็ยังมีลุ้นฟื้นตัว อีกทั้งพื้นฐานบางตัวก็ยังแข็งแกร่ง การหาจังหวะเข้าสะสมหุ้นร่วงหนักช่วงนี้ก็น่าจะเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะได้เก็บของถูกเข้าพอร์ตอีกครั้ง

 

*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button