หุ้นลิสซิ่งวิ่งกระฉูด! ลุ้นผลงานไตรมาส 1/63 ทะยานแรงรับกนง.หั่นอัตราดบ.

หุ้นลิสซิ่งวิ่งกระฉูด! ลุ้นผลงานไตรมาส 1/63 ทะยานแรงรับกนง.หั่นอัตราดบ.


 “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมบทวิเคราะห์รวมถึงคำแนะนำหุ้นในกลุ่มเช่าซื้อ-ลิสซิ่ง หลังจากที่วานนี้ (5 ก.พ.63) หุ้นในกลุ่มดังกล่าวปรับตัวขึ้นแรง นำโดย

บริษัท ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ECL ปิดตลาดที่ระดับ 1.17 บาท ปรับตัวขึ้น 0.07 บาท หรือ 6.39% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 11.83 ล้านบาท

ด้าน หุ้นบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ปิดตลาดที่ระดับ 22.70 บาท ปรับตัวขึ้น 1.30 บาท หรือ 6.07% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 799.99 ล้านบาท

ขณะเดียวกันบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AEONTS ปิดตลาดที่ระดับ 160.50 บาท ปรับตัวขึ้น 6 บาท หรือ 3.88% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 191.62 ล้านบาท 

อีกทั้ง หุ้นบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ปิดตลาดที่ระดับ 36 บาท ปรับตัวขึ้น 1.25 บาท หรือ 3.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 292.20 ล้านบาท และ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ปิดตลาดที่ระดับ 67.50 บาท ปรับตัวขึ้น 2 บาท หรือ 3.05% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 838.32 ล้านบาท

ทั้งนี้ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากเนื่องจากการที่ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.00% เนื่องจาก กนง.เห็นว่าเสถียรภาพการเงินเปราะบางมากขึ้น จำเป็นต้องประสานมาตรการการเงินการคลัง โดยแนวโน้มเศรษฐกิจไทยอาจขยายตัวต่ำกว่าประมาณการ จึงเห็นว่านโยบายผ่อนคลายทางการเงินจะช่วยลดผลกระทบจากปัจจัยลบต่าง ๆ ทั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ภัยแล้ง และความล่าช้าของ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563

โดยประเด็นดังกล่าวจะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มเช่าซื้อ-ลิสซิ่ง ในแง่ของต้นทุนที่ปรับตัวลดลงหลังจากกนง.ลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะส่งผลให้กำไรในช่วงไตรมาส 1/2563 ปรับตัวขึ้นตามไปด้วย โดยการลดอัตราดอกเบี้ยเป็นบวกกับกลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD) จากต้นทุนเงินทุนหรือเงินกู้ถูกลง

 

ทั้งนี้ บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า กลุ่มเช่าซื้อ-ลิสซิ่ง เป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ และยังมีแรงหนุนจากการลดดอกเบี้ย เนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่มีโครงสร้างสินเชื่อที่เป็นอัตราคงที่สูง (ยกเว้น IFS) ขณะที่ต้นทุนการกู้ยืมของกลุ่มฯ ส่วนใหญ่เป็นหุ้นกู้หรือเงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ ดังนั้น เมื่อดอกเบี้ยปรับตัวลดลงทำให้ต้นทุนของกลุ่มเช่าซื้อถูกลง

โดยชื่นชอบ บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC)(ให้ราคาเป้าหมาย 71 บาท) มากสุดในกลุ่มฯ  โดยคาดว่าธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถของบริษัท ยังเติบโตได้ จากความต้องการใช้เงินเพิ่มขึ้นในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่ต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายจะทยอยลดระดับลง จากการออกหุ้นกู้ใหม่ที่มีอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่า 3.5% เพื่อเพิ่มการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อ รวมถึงทดแทนหุ้นกู้ที่ใกล้จะครบกำหนดในปี 2563 มูลค่ารวมกว่า 8.7 พันล้านบาท ที่มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยสูงระหว่าง 3.6-4.2%

ขณะที่ก่อหน้านี้ นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะฟื้นตัวต่อได้ เนื่องจากทางการจีนได้อัดฉีดสภาพคล่องเข้าตลาดและจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มอีก อย่างการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับลูกค้าชั้นดี เพื่อเป็นการลดผลกระทบจากไวรัสโคโรนา

นอกจากนี้ให้ติดตามการแถลงนโยบายประจำปีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อสภาคองเกรสในช่วงเช้านี้ และพรุ่งนี้ก็ติดตามประเด็นการถอดถอน”ทรัมป์” แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร สำหรับสถานการณ์ไวรัสโคโรนาจะเห็นได้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น แต่จำนวนผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับทรงตัว แสดงให้เห็นว่าเริ่มที่จะควบคุมสถานการณ์ได้

ส่วนบ้านเราให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ในวันนี้ ซึ่งตลาดคาดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% หวังจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งหากเป็นอย่างที่คาดไว้ก็จะดีต่อหุ้นในกลุ่มเช่าซื้อ, อสังหาริมทรัพย์ รวมถึงพวกกองรีท แต่อาจเป็นลบเล็กน้อยต่อกลุ่มแบงก์ขนาดใหญ่

 

Back to top button