โบรกเชียร์ “ซื้อ” CBG อัพกำไรปี 63-65 ขึ้น 5-11% พ่วงเป้าใหม่ 181 บ.

โบรกเชียร์ “ซื้อ” CBG อัพกำไรปี 63-65 ขึ้น 5-11% พ่วงเป้าใหม่ 181 บ.


บทวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้นบริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG โดยปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 181.00 บาท อิง PER ปี 2564 ที่ 38.0 เท่า ใกล้เคียง 5-yr avg. PER (เดิม 170.00 บาท อิง PER 2564 ที่ 38.0 เท่า) โดยมีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นจากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันที่ 23 พ.ย.63

โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1) ปี 2564 ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้รวมโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อน จากรายได้ต่างประเทศ +25% จากปีก่อน และรายได้ในประเทศ +20% จากปีก่อน, 2) โรงงาน APM (ผลิต packaging) จะเริ่ม COD ในช่วง ธ.ค. 2563 ซึ่งคาดจะช่วยเพิ่ม gross profit margin ในปี 2564 ที่ 1-1.5%, 3) สำหรับการส่งออกไปยังพม่า เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย. 2020 สินค้าที่ส่งออกไปพม่า สามารถส่งตรงไปยัง warehouse ได้เลย ไม่ต้องรอ transit ที่ด่าน ทำให้ลดระยะเวลาในการส่งของ ช่วยให้รับรู้รายได้ได้เร็วขึ้น,

4) ในไตรมาส 4/63 ค่า sponsorship จะปรับตัวลดลงเป็น 50 ล้านบาท (ไตรมาส 3/63 = 95 ล้านบาท), มี tax shield ที่ 42 ล้านบาท คาดหนุนกำไร new high และ 5) ยังมี room ที่จะขยาย gross profit margin โดย CBG มีโอกาสที่จะปรับสูตรเครื่องดื่มเพื่อลดภาษีน้ำตาลลง เนื่องจากใน ต.ค.2564 กรมสรรพสามิตจะมีการปรับภาษีน้ำตาลขึ้น ทั้งนี้ เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2563-65 ขึ้น 5% -11% โดยประเมินกำไรสุทธิปี 2563 ที่ 3,775 ล้านบาท (+49% จากปีก่อน) และปี 2564 ที่ 4,762 ล้านบาท (+28% จากปีก่อน)

ทั้งนี้ ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น +6%  ใน 1 เดือนที่ผ่านมา จากกำไรไตรมาส 3/63 ที่ดีกว่าคาด ปัจจุบัน CBG เทรดอยู่ที่ PER 2564 ที่ 25.4 เท่า (ใกล้เคียง -0.75SD below 5-yr avg PER) เราเชื่อมั่นว่าราคาปัจจุบันยังไม่สะท้อนโมเมนตัมของกำไรอยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยมี 2562 EPS CAGR ที่ 32% อีกทั้ง CBG ยังมี Upside จากการปรับสูตรเครื่องดื่มชูกำลังเพื่อลดน้ำตาล, รายได้ Woody C+Lock ที่ดีกว่าคาดและรายได้จากต่างประเทศขยายตัวมากกว่าคาด

1) ปี 2564 ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้รวมโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อน หนุนโดย i) รายได้ต่างประเทศขยายตัว +25% จากปีก่อน คาดรายได้ CLMV ที่เติบโตต่อเนื่องจากการรุกทำการตลาด และขยาย distribution coverage ในพม่า (ปัจจุบันมียอดขายหลักมาจาก 3 เมืองใหญ่ คือ ย่างกุ้ง, มัณฑะเลย์ และเมาะลำไย) และเวียดนาม

และ ii) รายได้ในประเทศขยายตัว +20% จากปีก่อน ทั้งจากการออก new products และ Woody C+Lock ที่ขยายตัวจากปีก่อน โดยคาดยอดขายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านขวด (จากปี 2563 ที่ 50-60 ล้านขวด) ด้าน ICUK คาดขาดทุน 4 ล้านปอนด์ ลดลงจากปี 2563 ที่ 4.5 ล้านปอนด์

2) โรงงาน APM (ผลิต packaging) จะเริ่ม COD ในช่วง ธ.ค. 63 ซึ่งคาดจะช่วยเพิ่ม gross profit margin ในปี 2564 ที่ 1-1.5% จากต้นทุนที่ลดลง 200 ล้านบาท/ปี และต้นทุนพลังงานที่ลดลงจาก solar rooftop 15 ล้านบาท/ปี

3) สำหรับการส่งออกไปยังพม่า เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย.2563 สินค้าที่ส่งออกไปพม่า สามารถส่งตรงไปยัง warehouse ได้เลย ไม่ต้องรอ transit ที่ด่าน ทำให้ลดระยะเวลาในการส่งของ ช่วยให้รับรู้รายได้ได้เร็วขึ้น

4) ในไตรมาส 4/63 ค่า sponsorship จะปรับตัวลดลงเป็น 50 ล้านบาท (ไตรมาส 3/63 = 95 ล้านบาท), มี tax shield ที่ 42 ล้านบาทเข้ามาเนื่องจากรัฐบาลให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุนในเครื่องจักร อิง CAPEX ที่ลงทุนในการ expand capacity ประมาณ 700 ล้านบาท และได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี 6% เป็นระยะเวลา 5 ปี

5) ยังมี room ที่จะขยาย gross profit margin โดย CBG มีโอกาสที่จะปรับสูตรเครื่องดื่มเพื่อลดภาษีน้ำตาลลง เนื่องจากใน ต.ค. 2564 กรมสรรพสามิตจะมีการปรับภาษีน้ำตาลขึ้น

สำหรับปี 2563 เราปรับประมาณการกำไรสุทธิขึ้น +5% โดยประเมินกำไรสุทธิที่ 3,775 ล้านบาท (+49% จากปีก่อน) หนุนโดย 1) รายได้รวมขยายตัว +18% จากปีก่อน จาก domestic branded own +3% จากปีก่อน จากรายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศที่ปรับตัวลดลง -7% จากปีก่อน จากผลกระทบของ COVID-19 แต่มีรายได้จาก Woody C+ Lock ที่ 600 ล้านบาทเข้ามาช่วยชดเชย

นอกจากนี้ รายได้ distribution for 3rd party ยังคงทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2.3 พันล้านบาท (+67% จากปีก่อน, สัดส่วนรายได้ 13% ของรายได้รวม) ด้านรายได้จากต่างประเทศขยายตัว +21% จากปีก่อน จากรายได้ CLMV ที่เพิ่มขึ้น +23% จากปีก่อน (สัดส่วนรายได้ที่ 41% ของรายได้รวม), 2) GPM ขยายตัวต่อเนื่องเป็น 41.7% จาก 38.9% ในปี 2019 ส่งผลจาก economy of scale ของโรงงาน ACM & APG, ต้นทุนวัตถุดิบและเชื้อเพลิงที่มีแนวโน้มลดลง และ 3) ICUK ขาดทุนน้อยลง

สำหรับปี 2064 ประเมินกำไรสุทธิที่ 4,762 ล้านบาท (+28% จากปีก่อน) จาก 1) รายได้ในประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง +18% จากปีก่อน โดยเฉพาะเครื่องดื่มชูกำลัง +7% จากปีก่อน จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวทำให้เกิดการจ้างงานกลุ่ม blue collar มากขึ้น ด้าน Woody C+Lock คาดรายได้ 970 ล้านบาท เติบโต +62% จากปีก่อน จากตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ขยายตัวต่อเนื่อง

สำหรับรายได้ต่างประเทศ +21% จากปีก่อน จากการขยาย distribution coverage, 2) GPM ขยายตัวต่อเนื่องจาก economy of scale และ utilization rate โรงงานที่เพิ่มขึ้น ทั้ง ACM, APG และ APM (cost saving 200 ล้านบาท/ปี)

พร้อมกันนี้ เราปรับราคาเป้าหมายปี 2564 ขึ้นเป็น 181.00 บาท อิง PER ปี 2564 ที่ 38.0 เท่า จากการปรับประมาณการกำไรสุทธิขึ้น (เดิม 170 บาท อิง PER ปี 2564 ที่ 38.0 เท่า) เราเชื่อมั่นว่าโมเมนตัมของกำไรของ CBG อยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยมี 2562-65 Core EPS CAGR ที่ 32%

อีกทั้ง CBG ยังมี Upside จากการปรับสูตรเครื่องดื่มชูกำลังเพื่อลดน้ำตาล, รายได้ Woody C+Lock ที่ดีกว่าคาดและรายได้จากต่างประเทศขยายตัวมากกว่าคาด

Back to top button