โบรกฯ เชียร์ซื้อ PTG เคาะเป้า 25 บ. ฟันธงกำไรไตรมาส 1 โตแกร่ง

โบรกฯ เชียร์ซื้อ PTG เคาะเป้า 25 บ. ฟันธงกำไรไตรมาส 1 โตแกร่ง


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รวบรวมบทวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้องกับ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG โดยนักวิเครห์ส่วนใหญ่มองแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/64 น่าจะยังเติบโตได้จากการสัญจรรถยนต์มากขึ้นตามการเดินทางกลับมาคึกคักอีกครั้ง เมื่อรัฐบาลคลายล็อกมาตรการสกัดการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่ และค่าการตลาดยังอยู่ในระดับดีมากที่ 1.9 บาทต่อลิตร อีกทั้งมองว่ากำไรปี 2564 เติบโตต่อเนื่องจากทิศทางราคาน้ำมัน/ปาล์ม และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก Palm complex รวมถึงธุรกิจ Non-oil อื่นๆ

โดย บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น PTG ราคาเป้าหมาย 25 บาท/หุ้น ประเมินกำไรปี 2564 เติบโตต่อเนื่องจากทิศทางราคาน้ำมัน/ปาล์มที่เอื้อประโยชน์และการฟื้นตัวของการเดินทางหนุนปริมาณการขาย โดยประเมินกำไรสุทธิปี 2564 ที่ราว 1.9 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบจากปีก่อน) หนุนโดยสถานการณ์ COVID-19 ที่ดีขึ้นทำให้การเดินทางกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง คาดปริมาณการขายน้ำมันอยู่ที่ 5.5 พันล้านลิตร (เพิ่มขึ้น 10%เมื่อเทียบจากปีก่อน) และประเมินค่าการตลาดที่ 1.85 บาท/ลิตร ยังอยู่ในระดับสูงจากแนวโน้มทิศทางราคาน้ำมันที่ยังเป็นขาขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในขณะที่ราคาปาล์มคาดยังอยู่ในระดับสูงในปี 2564 เช่นกันจากแนวโน้มสต๊อกที่ยังอยู่ในระดับต่ำจากมาตรการกระตุ้นการใช้น้ำมันปาล์มของภาครัฐ ทำให้ส่วนแบ่งรายได้จาก Palm complex รับรู้ที่ระดับ 250 ล้านบาทได้ในปี 2564

บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” PTG ราคาเป้าหมาย 25 บาท/หุ้น แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/64 น่าจะยังเติบโตได้จากการสัญจรรถยนต์ที่มากขึ้น กลับมาคึกคักอีกครั้ง และค่าการตลาดยังอยู่ในระดับดีมากที่ 1.9 บาทต่อลิตร และมี Upside ต่อราคา CPO ที่ปรับเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ผู้บริหารยังคงตั้งเป้าปริมาณขายน้ำมันปี 2564 เติบโต 8-12% จากการเปิดเมือง และการท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น และตั้งเป้าการขยายสาขาในปีนี้ราว 100-150 แห่ง ในขณะที่ยังประเมินว่าค่าการตลาดจะยังอยู่ในระดับที่ดีที่ 1.8-1.9 บาทต่อลิตร

นอกจากนี้หาโอกาสทางธุรกิจ Non-oil ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำ Solar farm, การทำ EV changer , โรงไฟฟ้าขยะ 6 MW ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 60 ล้านบาท , หาโอกาสเรื่องกัญชงต่อยอดธุรกิจ Food and Beverage สำหรับโครงการ Palm complex เองก็เตรียมโครงการลงทุน

อีกทั้งบริษัทเตรียมนำ 2 บริษัทในเครือเข้าตลาดฯ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ คือ 1) บริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจ LPG ที่เน้นภาคครัวเรือนซึ่งมีการเติบโตมาก โดยบริษัทตั้งเป้า แอตลาส ในอีก 5 ปีจะมี CAGR กว่า 50% และ 2) Palm Complex ซึ่งทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมัน B100 ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีก 1 เท่าตัว เป็น 1.3 ล้านลิตร

อย่างไรก็ดีบล.ทรีนีตี้ ยังคงประมาณการกำไรปี 2564 ที่ 1.8 พันล้านบาท ด้วยมุมมอง conservative โดยยังประเมินกำไรจากส่วนแบ่งรายได้ Palm Complex ที่ 200 ล้านบาท แต่แนวโน้มราคาปาล์มยังอยู่ในระดับสูง 35 บาทต่อกก ซึ่งยังอยู่สูงในระดับเดียวกับไตรมาส 4/63 ที่ผ่านมา ดังนั้นมีโอกาสที่ส่วนแบ่งกำไรจะมากกว่าที่คาดไว้

บล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” PTG ราคาเป้าหมาย 23 บาท/หุ้น คงมุมมองบวกต่อผลประกอบการในปี 2564ซึ่งมีปัจจัยหนุนจาก ปริมาณขายน้ำมันที่เติบโตต่อเนื่องราว 10%ค่าการตลาดที่ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 1.8-1.9 บาท/ลิตรในครึ่งปีแรกปี 2564 และการเติบโตของธุรกิจ non-oil

นอกจากนี้ เรามองเห็นอัพไซด์จากแผนขยายธุรกิจไปโรงไฟฟ้าชุมชน ธุรกิจ EV charger และการขยาย Palm complex ซึ่งเราว่าจะคาดเห็นความคืบหน้าในครึ่งปีหลังปี 2564 ทั้งนี้ปรับประมาณการปี 2564 ขึ้น 5% โดยปรับค่าการตลาดขึ้นสู่ระดับ 1.8 บาท/ลิตร (จาก 1.75 บาท/ลิตร) ซึ่งต่ำกว่าประมาณการของผู้บริหารที่ 1.8-1.9 บาท/ลิตร

บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” PTG ราคาเป้าหมาย 24.50 บาท/หุ้น ยังมีมุมมองเป็นบวกต่อ PTG จาก 1) คาดปี 2564 ยังเป็นที่ PTG สามารถเติบโตได้แม้จะมีฐานการเติบโตที่สูงในปี 2563 ก็ตาม 2) ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 2 และคาดปริมาณขายน้ำมันฟื้นตัวโดย ณ ปัจจุบัน เพิ่มขึ้น 8-12% เมื่อเทียบจากปีก่อน3) ค่าการตลาดในปัจจุบันยังอยู่ระดับ 1.90 บาทต่อลิตร

อีกทั้ง 4) ธุรกิจ Non-oil มีบทบาทมากขึ้นคาดจะเริ่มรับรู้กำไรได้ในปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจร้านกาแฟ 5) คาดส่วนแบ่งกำไรจากปาล์มคอมเพล็กซ์สูงกว่าปี 2563 จากระดับราคไบโอดีเซลปัจจุบันที่ 35-40 บาทต่อลิตร และ 6) PTG ซื้อขายที่เพียง PER 17 เท่า เทียบเท่า -0.5 SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต ในขณะที่ยังมี upside การเติบโตจากแผนการขยายเข้าสู่ธุรกิจ Non-oil และธุรกิจใหม่มากขึ้น

Back to top button