ANAN ลุยเปิด 5 โครงการใหม่ 2.44 หมื่นลบ. หนุนยอดขายปี 64 โตแตะเป้า 1.85 หมื่นลบ.

ANAN ลุยเปิด 5 โครงการใหม่ 2.44 หมื่นลบ. หนุนยอดขายปี 64 โตแตะเป้า 1.85 หมื่นลบ. แถมตุน Backlog แน่น 14,265 ล้านบาท ทยอยโอนในช่วงปี 64-66


นาย เสริมศักดิ์ ขวัญพ่วง ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน  บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN นำเสนอข้อมูลแผนธุรกิจ และแนวโน้มผลประกอบการ ไตรมาส 2/2564 และธุรกิจช่วงที่เหลือของปี 2564 ในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 17 มิ.ย.2564

สำหรับ ANAN ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 1) คอนโดมิเนียมติดสถานีขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพและปริมณฑล 2) บ้านจัดสรรแนวราบ นอกจากนี้ บริษัทยังประกอบธุรกิจภายใต้บริษัทย่อยอื่นๆ ได้แก่ ธุรกิจการเป็นตัวแทนการซื้อขายห้องชุด ธุรกิจรับบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้กับนิติบุคคลบ้านจัดสรร และนิติบุคคลอาคารชุด

โดยบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายยอดโอนกรรมสิทธิ์ 16,008 ล้านบาท ในปีนี้ โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/64 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) รวม 14,265 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ในปีนี้ 30% หรือคิดเป็นมูลค่า 3,847 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะสามารถทยอยโอนในช่วงปี 65-66

ขณะเดียวกันบริษัทมีโครงการที่พัฒนาแล้วเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์อยู่ในสต็อกราว 25,000 ล้านบาท ซึ่งจะเข้ามาช่วยสนับสนุนเป้าหมายรายได้ของบริษัท โดยที่ผ่านมา ANAN ได้เน้นการพัฒนาโครงการบนพื้นที่ติดรถไฟฟ้าที่มีศักยภาพ หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย และสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศได้ ก็เชื่อว่าจะยังมีความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ติดรถไฟฟ้าอยู่

ในส่วนของเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ 18,570 ล้านบาทนั้น ในช่วงไตรมาส 1/64 บริษัทมียอดขายแล้ว 3,979 ล้านบาท และช่วง 2 เดือนแรกของไตรมาส 2/64 บริษัทมียอดขายอีกกว่า 2,000 ล้านบาท ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีแม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดระลอกสามจะเข้ามากระทบบ้าง

อีกทั้งในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่ 5 โครงการ มูลค่ามูลค่าโครงการรวม 24,422 ล้านบาท โดยจะเป็นคอนโดมิเนียมบนทำเลศักยภาพทั้งทองหล่อ สามย่าน สะพานควาย สุขุมวิท 38 และลำสาลี ที่มาพร้อมแนวคิดใหม่ ดีไซน์การออกแบบใหม่ เพื่อตอบโจทย์วิถีการใช้ชีวิตแบบใหม่ตามสถานการณ์ปัจจุบันและในอนาค

โดยทั้ง 5 โครงการ จะเปิดในไตรมาส 3/2564 จำนวน 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,870 ล้านบาท และในไตรมาส 4/2564 เปิดอีก 4 โครงการ มูลค่า 22,552 ล้านบาท โดยทั้งหมดจะเป็นโครงการร่วมทุน

อย่างไรก็ตามบริษัทยังมีเงินทุนแข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/2564 บริษัทมีเงินสดประมาณ 4,095 ล้านบาท ซึ่งตรงนี้ยังไม่ได้รวมเงินสดจากโครงการร่วมทุน หากรวมบริษัทจะมีเงินสดเกิน 1 หมื่นล้านบาท

นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์น่าจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากภาครัฐเร่งการกระจายวัคซีนอย่างต่อเนื่อง ทำให้แนวโน้มสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น และยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านต่างๆ ออกมาเพิ่มเติม

ในขณะเดียวกันได้วางเป้าหมายเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเต็มรูปแบบภายใน 120 วันช่วยหนุน Sentiment ให้กลับมาดีขึ้น ในขณะเดียวกันบริษัทจะยังคงดำเนินนโยบายการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ติดรถไฟฟ้าที่มีความต้องการในสังคมเมืองปัจจุบันด้วย

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการติดตามนโยบายการปรับสัดส่วนการถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติเป็น 70-80% จากปัจจุบันที่ 49% หากออกมาได้จริงก็เชื่อว่าจะเข้ามาช่วยหนุนทิศทางการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้วย เนื่องจากประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยว และเป็นประเทศเป้าหมายของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาจากทั่วโลกด้วย โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนของลูกค้าต่างชาติอยู่ที่ 21%

Back to top button