
CV ยื่นฟื้นฟูกิจการต่อ “ศาลล้มละลายกลาง” ลอยแพเจ้าหนี้–ยกเลิกกิจการ 6 บริษัทย่อย
CV ยื่นฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง พร้อมเลิกบริษัทย่อย 6 แห่งที่ไม่มีการดำเนินงาน และรับเงินกู้จากกรรมการเพื่อเสริมสภาพคล่อง หลังเผชิญปัญหาการเงินรุนแรง เตรียมเดินหน้าแผนฟื้นฟูธุรกิจต่อไป
บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CV แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยขอเรียนให้ทราบว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 8/2568 เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ได้มีมติที่สำคัญ ดังนี้
- อนุมัติให้บริษัทฯ ในฐานะลูกหนี้ ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ และเสนอบริษัทฯ เป็นผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง ภายใต้พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 (รวมที่แก้ไขเพิ่มเติม) โดยบริษัทฯ จะดำเนินการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ ต่อศาลล้มละลายกลางในวันที่ 30 กันยายน 2568 โดยหากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องขอดังกล่าวเป็นประการใด บริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบต่อไป
- อนุมัติและให้สัตยาบันการเลิกกิจการและชำระบัญชีบริษัทย่อยจำนวน 6 บริษัทของบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทย่อยดังกล่าวมิได้มีการดำเนินงานใด ๆ โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
2.1 บริษัท โคลเวอร์ น่าน จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นโดยตรงในสัดส่วน 100%
2.2 บริษัท โคลเวอร์ เชื้อเพลิงทดแทน จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นโดยตรงในสัดส่วน 100%
2.3 CV GREEN ENERGY PTE LTD (CVG) (ซึ่งเป็นบริษัทในประเทศสิงค์โปร์) ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นโดยตรงในสัดส่วน 100%
2.4 บริษัท โคลเวอร์ กรีน 3 จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วน 100%
2.5 บริษัท โคลเวอร์ กรีน 9 จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วน 100%
2.6 บริษัท ไบโอคาร์บอน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (เดิมชื่อ บริษัท โคลเวอร์ กรีน 5 จำกัด) ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วน 100%
ทั้งนี้ การเลิกบริษัทย่อยดังกล่าว ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยอื่น ๆ แต่อย่างใดเนื่องจากบริษัทย่อยดังกล่าวมิได้มีการดำเนินงานใด ๆ
- ให้สัตยาบันและอนุมัติการรับความช่วยเหลือทางการเงินจากบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน (เงินกู้ยืมจากกรรมการ) ดังนี้
3.1 ให้สัตยาบันการรับความช่วยเหลือทางการเงิน กรณีบริษัทฯ และบริษัทย่อยได้กู้ยืมเงินจากนายเศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล และนางนฤมล ศักดิ์สิทธิเสรีกุล กรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ จำนวนต้นเงินรวม 239,117.54 บาท ระยะเวลาตามสัญญาเงินกู้ เริ่มต้นวันที่ 19 กันยายน 2568 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2568 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.7 ต่อปี คิดเป็นดอกเบี้ยจำนวน 122.50 บาท (ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าว เป็นเงินต้นที่เกินมาจากจำนวนเงินกู้ยืมกรรมการที่บริษัทฯ ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารไว้เดิม เป็นจำนวนต้นเงินรวมไม่เกิน 47,000,000 บาท ระยะเวลา 1 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.7 ต่อปี ซึ่งมีดอกเบี้ยเงินกู้ยืมค้างชำระเดิมรวมจำนวน 503,981.73 บาท)
3.2 อนุมัติการรับความช่วยเหลือทางการเงิน กรณีบริษัทฯ และบริษัทย่อยเข้าทำสัญญากู้ยืมเงินจากนายเศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล กรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ดังนี้
(ก) ขยายระยะเวลาสัญญากู้ยืมเงินเดิม จำนวนต้นเงินรวม 41,985,610 บาท ระยะเวลาตามสัญญากู้ยืมเงินที่
ขยาย เริ่มต้นวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2569 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.7 ต่อปี คิดเป็นดอกเบี้ยจำนวน 713,755.36 บาท และ
(ข) เข้าทำสัญญากู้ยืมเงิน จำนวนต้นเงินรวมไม่เกิน 30,000,000 บาท เริ่มต้นวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 30
กันยายน 2569 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.7 ต่อปี คิดเป็นดอกเบี้ยจำนวน 510,000 บาท
3.3 อนุมัติการรับความช่วยเหลือทางการเงิน กรณีบริษัทและบริษัทย่อยเข้าทำสัญญากู้ยืมเงินจากนางนฤมล ศักดิ์สิทธิเสรีกุล กรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัท โดยการขยายระยะเวลาสัญญากู้ยืมเงินเดิม จำนวนต้นเงินรวม 5,253,508 บาทระยะเวลาตามสัญญากู้ยืมเงินที่ขยาย เริ่มต้นวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2569 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.7 ต่อปี คิดเป็นดอกเบี้ยจำนวน 89,310 บาท
ทั้งนี้ จากการคำนวณดอกเบี้ยรวมตามข้อ 3.1 – 3.3 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,817,169.23 บาท ซึ่งเข้าข่ายเป็นรายการความช่วยเหลือทางการเงินจากบุคคลที่เกี่ยวโยงประเภท “ขนาดกลาง” คิดเป็นร้อยละ 0.21 ของ NTA ตามงบการเงินไตรมาส 3/2568 ณวันที่ 30 กันยายน 2567 อันอยู่ในอำนาจการอนุมัติของคณะกรรมการบริษัท โดยสาเหตุที่บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องรับความช่วยเหลือทางการเงินจากบุคคลที่เกี่ยวโยง เนื่องจากที่ผ่านมา บริษัทฯ ประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินเป็นอย่างมาก และมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องจัดหาเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้นเพื่อรองรับค่าใช้จ่าย ประกอบกับเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในระหว่างการฟื้นฟูกิจการ
- อนุมัติให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทฯ เป็นดังต่อไปนี้
นายเศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล หรือ นางนฤมล ศักดิ์สิทธิเสรีกุล หรือ นายมิ่งขวัญ สังขมณี กรรมการสองในสามคนนี้ ลงลายมือชื่อร่วมกัน และประทับตราสำคัญของบริษัท
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ผู้ถือหุ้นกู้ CV จี้ ก.ล.ต. สอบบริษัทใช้เงินผิดวัตถุประสงค์–ดีลมัดจำ Fernview-WTX ไม่คืบ
“กมธ.การเงิน สภา” จี้ “ก.ล.ต.–ตลท.” สางปัญหา CV ปมเงินมัดจำ หลังผู้บริหารไม่เข้าชี้แจง
ซีอีโอ CV เตรียมชิ่ง “กมธ.การเงิน“ หลังถูกเรียกแจงพฤติการณ์ปม “ธรรมาภิบาล” 10 ก.ย.นี้