เกษตรกรไร่อ้อยเสนอ 3 มาตรการ หนุนราคา-แก้ปัญหา PM2.5 อย่างยั่งยืน

นายกฯ “แพทองธาร” รับข้อเสนอจากตัวแทนเกษตรกร ครอบคลุมแนวทางช่วยเหลือด้านราคา พร้อมเร่งหามาตรการลดฝุ่น PM2.5 อย่างยั่งยืน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (10 มิ.ย.68) ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายมนตรี คำพล ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทยและคณะ เข้าพบ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย

โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าร่วม

ตัวแทนเกษตรกรชาวไร่อ้อยกลุ่มนี้ ได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ที่ให้การส่งเสริมแนวทางการตัดอ้อยสด เพื่อสนับสนุนการลดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 และสร้างความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมชื่นชมรัฐบาลที่เปิดโอกาสให้เกษตรกรมีส่วนร่วมเสนอแนวทางนโยบายที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของภาคการเกษตร พร้อมกันนี้ ได้เสนอมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดคุณภาพดีส่งเข้าโรงงานน้ำตาล 3 เรื่อง ดังนี้

  1. ขอรับเงินช่วยเหลือสำหรับอ้อยสดคุณภาพดี อัตราตันละ 120 บาท โดยให้โอนตรงเข้าบัญชีของเกษตรกรผู้ที่ตัดอ้อยสดส่งโรงงานน้ำตาล ซึ่งเป็นแนวทางการปฏิบัติที่เคยใช้มาแล้วและมีประสิทธิภาพ สร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรเลิกการเผาอ้อย ลดการปล่อยฝุ่นควันสู่สิ่งแวดล้อม
  2. ให้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือรูปแบบอื่น ๆ เช่น รับซื้อใบอ้อยหรือการชดเชยค่าเครื่องมือเกษตรกรรม เริ่มในฤดูกาลผลิตถัดไป และต้องประกาศให้เกษตรกรได้รับทราบก่อนฤดูการผลิตจะเริ่มต้น เพื่อให้วางแผนการเพาะปลูกและลงทุนได้อย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด
  3. เสนอให้รัฐบาลเร่งเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อให้พึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว ผ่านกลไกต่าง ๆ เช่น ปรับราคาจำหน่ายน้ำตาลภายในประเทศ นำส่วนต่างมาสนับสนุนกองทุนฯ หรือนำใบอ้อยไปผลิตไฟฟ้า หรือส่งเสริมเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ที่มีอ้อยเป็นวัตถุดิบให้มากขึ้น อย่างจริงจังและเร่งด่วน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจนในเชิงเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลตระหนักดีถึงความเสียสละและความร่วมมือของเกษตรกรในการแก้ไขปัญหาเชิงสิ่งแวดล้อม และจะเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณามาตรการที่เหมาะสมและเป็นธรรม ยืนยันว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม เป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาล ที่จะต้องดำเนินการควบคู่กัน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่มอย่างรอบด้าน

Back to top button